วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้ไปร่วมงานสวดมาติกาบังสุกุล และพิจารณาผ้าไตรบังสุกุลในงานฌาปนกิจศพของนายศุภธัช ชมเชย ซึ่งเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะที่อายุ ๒๔ ปี
มีเรื่องที่ควรจะกล่าวถึงก็คือว่า ทางด้านหลวงพ่อสุ่ย วัดทองผาภูมิ ผู้แสดงพระธรรมเทศนาหน้าไฟ ได้ยกเอาบาลีขึ้นมา แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าผู้ฟังจะสะดุดใจมากน้อยแค่ไหน
บาลีที่ว่านั้นก็คือ
อะยัมปิโข เม กาโย อันว่าร่างกายนี้หนอ
เอวัง ภาวี เป็นเช่นนี้ เป็นธรรมดา
เอวัง ธัมโม สภาพก็เป็นเช่นนี้
เอวัง อะนะตีโต ไม่สามารถที่จะล่วงพ้นไปได้
ซึ่งตรงจุดนี้เป็นการประกาศสัจธรรมความจริงแท้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า หลักธรรมของพระองค์นั้นเป็นสัจธรรม ไม่ใช่เป็นปรัชญาอย่างที่ผู้คนเขากล่าวกัน
คำว่า สัจธรรม คือหลักธรรมที่แท้จริงนั้น เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้ พิสูจน์ได้ ไม่สามารถที่จะคัดค้านด้วยทฤษฎีใด ๆ ทั้งสิ้น
ส่วนคำว่า ปรัชญานั้น ก็คือหมวดวิชาความรู้อย่างใดอย่างหนึ่งที่เขานำมาถกเถียงกัน เพื่อหาข้อยุติ ถ้าหากว่าได้ข้อยุติแล้วก็จะกำหนดขึ้นมาเป็นศาสตร์ต่าง ๆ อย่างเช่นว่า คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ จริยศาสตร์ สังคมศาสตร์ เป็นต้น
ดังนั้น...ทุกครั้งที่คนใช้คำว่า ปรัชญาพระพุทธศาสนา กระผม/อาตมภาพฟังแล้ว จึงนึกค้านอยู่ในใจว่า หลักธรรมในพระพุทธศาสนานั้นเป็นอริยสัจ เป็นของจริง ของแท้ ที่พิสูจน์ได้แน่นอนแล้ว ไม่ใช่เป็นทฤษฏีที่ยังมีคนคัดค้านได้
ดังนั้น...ถ้าใช้ภาษาอังกฤษ คำว่าทฤษฎีคือ Theory ซึ่งถ้าหากว่าเรามีแนวคิด หรือว่าหนทางที่พิสูจน์ได้ว่าของเก่านั้นยังไม่ดีจริง ไม่ดีแท้ ทฤษฎีเก่านั้นก็จะตกไป แล้วผู้คนจะมายึดถือในทฤษฎีใหม่แทน
ถ้าเป็นหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ก็ไม่ควรจะใช้คำว่า Theory ก็คือทฤษฎี หากแต่ควรที่จะเป็น Theorem ก็คือทฤษฎีสัมบูรณ์ หรือไม่ก็เปลี่ยนจากคำว่า Philosophy ก็คือปรัชญานั้น มาเป็น Noble Truth ก็คืออริยสัจ ความจริงแท้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2022 เมื่อ 01:16
|