เมื่อระลึกมาจนถึงตรงนี้ ก็เห็นพญาโคอุสุภราชขยายจนกระทั่งใหญ่เต็มวิหารที่ทำพิธี ลืมบอกกล่าวกับทุกท่านไปว่า หลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์เห็นว่าวัตถุมงคลในวันนี้ ไม่ใช่วัตถุมงคลที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงไม่ทำในโบสถ์ แต่ย้ายมาทำที่วิหารข้างโบสถ์แทน ก็ต้องบอกว่าเป็นการจัดลำดับได้ถูกต้อง และเป็นการเคารพในคุณพระรัตนตรัยที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
พญาโคอุสุภราชที่ขยายโตเต็มวิหารนั้นมีท่านปู่พระอินทร์นั่งบนหลังมาด้วย จึงได้กราบเรียนถามท่านปู่พระอินทร์ว่า มีที่มาที่ไปอย่างไร ?
ท่านบอกว่าวิชาการนี้มาจากทางสายพราหมณ์ ซึ่งนับถือพระอิศวร และพระอิศวรนั้นทรงโคนนทิหรือที่เรียกว่าโคอุสุภราช ทำให้เมื่อบรรดาพราหมณาจารย์ทั้งหลาย ศึกษาวิชาการเพิ่มเติมขึ้นมาจากไตรเพท หรือว่าไตรเวท ซึ่งประกอบไปด้วยตำรา ๓ เล่มก็คือยชุรเวท ฤคเวท และสามเวทแล้ว ก็ยังได้สร้างตำราเล่มที่ ๔ ขึ้นมา เรียกว่าอาถรรพเวท ประกอบไปด้วยเรื่องของไสยศาสตร์เวทมนตร์ต่าง ๆ ซึ่งบรรดาครูบาอาจารย์รุ่นเก่า ๆ เห็นว่าเป็นเครื่องถ่วงให้เนิ่นช้า
แต่ครูบาอาจารย์รุ่นหลังเห็นว่าเป็นเรื่องที่สามารถสงเคราะห์ญาติโยม ลูกศิษย์ลูกหาได้ดี จึงได้บันทึกวิชาการเหล่านี้เอาไว้ มาตอนหลังก็ขยายกลายเป็นวิชาการพุทธตันตระ ซึ่งไปโด่งดังทางด้านทิเบต จนกระทั่งมาภายหลัง พราหมณ์ส่วนหนึ่งที่ศึกษาแล้ว ได้เดินทางมายังสุวรรณภูมิของเรา และนำเอาวิชาการเหล่านี้เข้ามาด้วย ดังนั้น...จึงได้มีการปรับจนกระทั่งกลายเป็นวิชาการสร้างวัวธนูตามแบบที่ทุกคนเห็นอยู่
แล้วพระอิศวรนั้นก็เป็นตำแหน่งหนึ่งของท่านปู่พระอินทร์ เนื่องจากว่าท่านเป็นเทวดาที่มีศักดานุภาพ และตำแหน่งหน้าที่ใกล้เคียงกับพระอิศวรของทางฮินดูมากที่สุด จึงต้องรับหน้าที่นี้ไปโดยปริยาย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-07-2022 เมื่อ 02:58
|