| 
				  
 
			
			"พระพุทธเจ้าตรัสถามถึงหลักการปฏิบัติ  ท่านอุรุเวลกัสสปะก็บรรยายให้ฟังว่า  ท่านบูชาไฟอย่างนี้ ๆ  พระพุทธเจ้าก็บอกว่า การบูชาไฟเป็นของดี  ไม่ดีได้อย่างไรเพราะแต่ละคนมีฤทธิ์ทั้งนั้น  ฉะนั้น..การเผยแผ่ธรรมของพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ขัดใคร
 ท่านบอกว่าการบูชาไฟภายนอกถึงแม้ว่าจะดี  แต่การบูชาไฟภายในได้จะดีกว่า   ท่านอุรุเวสกัสสปะตอนนี้เริ่มละพยศแล้ว    เพราะเห็นว่าสมณะรูปนี้มีความสามารถจริง ขนาดจะตากผ้า  ต้นหว้ายังน้อมกิ่งลงมาให้ตากเลย
 
 ท่านอุรุเวลกัสสปะก็ขอเรียนกับพระพุทธเจ้า  พระพุทธเจ้าก็เทศน์อาทิตตปริยายสูตร    ที่ว่าตาเป็นของร้อน  จมูกเป็นของร้อน  ลิ้นเป็นของร้อน  ฯลฯ  ร้อนด้วยอะไร ?  ร้อนด้วยไฟ  ไฟคือราคะ ไฟคือโทสะ ไฟคือโมหะ ถ้าหากสามารถดับได้ก็คือความเย็น  ท่านก็อธิบายให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ  อุรุเวลกัสสปะและบริวารบรรลุมรรคผล   ลอยบริขารทิ้งลงแม่น้ำ  ขอรับการอุปสมบทใหม่  กลายเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา
 
 คราวนี้น้อง ก็คือ ท่านนทีกัสสปะ (น้องคนกลาง) อยู่ด้านใต้  จู่ ๆ บริขารของพี่ลอยมาเป็นแพเลย  ก็ตกใจว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นหรือไม่   ก็พาบริวารอีก  ๓๐๐  คนไปหาพี่  พบพระพุทธเจ้าได้ฟังธรรม ก็บรรลุอีก  ลอยบริขารทิ้งเหมือนกัน   ไปถึงท่านคยากัสสปะ(น้องคนเล็ก)  เห็นบริขารลอยมา  คิดว่าอันตรายเกิดขึ้นกับพี่แล้ว ก็พาบริวารอีก  ๒๐๐ ไปหาพี่  พบพระพุทธเจ้าฟังเทศน์กลายเป็นพระอรหันต์ไปอีก"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2010 เมื่อ 04:05
 |