| 
				  
 
			
			"คราวนี้พอสงเคราะห์พระปัญจวัคคีย์เรียบร้อย  พระองค์ต้องรีบกลับ  ถ้าขืนอยู่ต่อให้ทางแคว้นกาสีรู้ข่าว  แค่แจ้งไปคำเดียว  พระเจ้าปเสนทิโกศลบอกให้จับหรือลงมือได้  ก็เป็นอันจบเห่..!   
 เมื่อพระพุทธเจ้าท่านเสด็จมาเพื่อสงเคราะห์ชฎิลสามพี่น้อง  ปรากฏว่าได้ของแถม  เป็นของแถมประเภทสร้อยเพชรตกลงมาเอง ก็คือ  ภัททวัคคีย์  ๓๐  คน  ท่านเหล่านี้เป็นลูกเศรษฐี  ไปเที่ยวเล่นกัน  วันนั้นทั้ง  ๒๙  คนมีแฟนเป็นส่วนตัวแล้ว  อีกคนหนึ่งนั้นไม่มี ก็เลยต้องไปเช่าหญิงนครโสเภณีมา   ตอนที่ลงเล่นน้ำกัน  โดนผู้หญิงโสเภณีขโมยเครื่องประดับหนีไป
 
 สมัยนั้นความรวยของเขาก็เหมือนกับพวกแม้ว พวกอีก้อของเรา ก็คือ  ความรวยอยู่ที่เครื่องประดับ  เคยเห็นพวกแม้วหรืออีก้อแต่งตัวไหม ?   มีเงินเท่าไรเอามาตีเป็นเครื่องประดับหมด   ถ้ามีเหลือเยอะก็ทำห่วงใหญ่ ๆ สวมเอวไว้
 
 ทีนี้พอเครื่องประดับโดนขโมยไป  เขาก็ไล่ตามหา  ไปเจอพระพุทธเจ้าพอดี  ก็ถามว่าเห็นหญิงคนหนึ่งหอบผ้าหนีมาทางนี้หรือเปล่า ?  พระพุทธเจ้าตรัสว่า  อยากจะค้นหาหญิงคนนั้น หรืออยากจะค้นหาตัวเอง   ด้วยความที่ท่านสร้างบารมีกันมามากต่อมาก  พอได้ยินเข้าก็สะดุดหูเลย บอกว่า "ค้นหาตัวเองดีกว่า"   "ถ้าอย่างนั้นเธอจงนั่งลง เราจะแสดงธรรมให้ฟัง"
 
 พระพุทธเจ้าก็แสดงอนุปุพพิกถาให้ฟัง   กลายเป็นพระอรหันต์อีก  ๓๐  รูป  ส่งไปประกาศศาสนาต่อ   อรรถกถาท่านว่า  ๓๐  รูปนี่แหละ  ที่กลายเป็นต้นบัญญัติกฐิน  ก็คือ  ออกพรรษาแล้วก็ยังมาเฝ้าพระพุทธเจ้า  จีวรเปียกฝนโชกมา ก็เลยมีบัญญัติให้รับคหปติจีวร คือจีวรที่มีคนถวายได้"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2010 เมื่อ 14:16
 |