| 
				  
 
			
			"พระพุทธเจ้าท่านทรงมีพระสัพพัญญุตญาณ  พระอนาคตังสญาณ  บรรดานักวิเคราะห์เขาวิเคราะห์ว่า  สมัยนั้นแคว้นมคธ   แคว้นโกศล แคว้นวัชชี  แคว้นวังสะ เป็นประเทศใหญ่ เป็นมหาอำนาจ โดยเฉพาะมคธและโกศลเป็นมหาอำนาจใหญ่มาก  แต่ว่าผู้ปกครองนิสัยไม่เหมือนกัน   พระเจ้าปเสนทิโกศลค่อนข้างจะเด็ดขาดและโหดอยู่สักหน่อย   แต่พระเจ้าพิมพิสารค่อนข้างจะใจดี  พระพุทธเจ้าก็เลยต้องไปเขตพระเจ้าพิมพิสารก่อน
 เรามาสังเกตดูว่า พระพุทธเจ้าเสด็จจากอุรุเวลาเสนานิคมไปยังพาราณสีเพื่อโปรดปัญจวัคคีย์  พาราณสีเป็นเมืองหลวงของแคว้นกาสี  แคว้นกาสีขึ้นอยู่กับแคว้นโกศล   ส่วนแคว้นกบิลพัสดุ์ แคว้นเทวทหะก็ขึ้นอยู่กับแคว้นโกศล  แปลว่าพระพุทธเจ้าท่านอยู่ในฐานะเจ้าชายของเมืองขึ้น   ถ้าไปทำอะไรโฉ่งฉ่างมีสิทธิ์ตายได้  ก็คือ  ถ้าพระเจ้าปเสนทิโกศลตีความผิดนิดเดียวว่า  พระพุทธเจ้าไปซ่องสุมผู้คนเพื่อแข็งเมืองก็เป็นเรื่องเลย  พระพุทธเจ้าจึงต้องไปแบบเงียบ ๆ  จากอุรุเวลาเสนานิคมไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน  ระยะทาง  ๒๓๐  กิโลเมตรตามระยะทางในปัจจุบัน
 
 ๒๓๐ กิโลเมตร พระพุทธเจ้าใช้เวลาเสด็จกี่วัน ? ลองมานับดู   พระองค์ท่านตรัสรู้กลางเดือนหก  เสวยวิมุตติสุข  ๔๙  วัน  แสดงปฐมเทศนากลางเดือนแปด  ห่างกันสองเดือน  แต่ระยะเวลาหายไป  ๔๙  วันแล้ว  ก็แปลว่าเหลืออีก  ๑๑  วัน  คราวนี้เขาระบุไว้ชัดว่าพระพุทธเจ้าไปถึงก็เป็นคืนแรม  ๑๔ ค่ำ ก็แปลว่าใช้เวลาเดินทาง  ๑๐  วัน  พระพุทธเจ้าเดินทางได้วันละ ๑๒๐  โยชน์ ใช้เวลาเดินทางตั้ง  ๑๐  วัน  ระหว่างนั้นพระองค์ท่านทำอะไรอยู่ ?
 
 เขาบอกว่าพระองค์ท่านทำการสำรวจทางยุทธศาสตร์ไว้ก่อน  ดูทางหนีทีไล่ไว้ก่อน  ดูว่าผ่านใครสำนักไหน  มีชื่อเสียงเรียงนามอย่างไร  เผื่อมีโอกาสจะกลับมาแสดงธรรมเพื่อสงเคราะห์  พระองค์ก็คงจะไปสะดุดตาที่ชฎิลสามพี่น้อง
 
 ๑๐  วันเดินทาง ๒๓๐  กิโลเมตร  ก็แปลว่า  พระองค์ท่านเดินทางวันละ  ๒๓  กิโลเมตร  ถือว่าสบายสุด ๆ    อาตมาเดินสบาย ๆ วันหนึ่งตั้ง ๔๐  กิโลเมตร  นั่นพระพุทธเจ้านะ  ท่านเดินวันหนึ่งได้ตั้ง  ๑๒๐  โยชน์ (เกือบพันกิโล)  แต่ปรากฏว่าท่านใช้ระยะเวลาเดินทางตั้ง  ๑๐  วัน  เขาก็เลยวิเคราะห์ไปว่า  พระองค์ทำการสำรวจทางยุทธศาสตร์ไปด้วย  ว่าจะเผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบไหน"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2010 เมื่อ 14:13
 |