| 
				  
 
			
			พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า  "พระปิดตา  โบราณาจารย์เขาใช้เป็นอุปเท่ห์  แทนการไม่รับสิ่งที่ไม่ดีเข้ามา  ไม่รับเข้าทางตา  ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น  ทางกาย  มาระยะหลังคตินิยมเขาถือเป็นมหาอุตม์ กลายเป็นอยู่ยงคงกระพันไป  ต้นสกุลพระปิดตาจริง ๆ เป็นพระควัมปติ    พระควัมปติก่อนบวชเป็นสหายของพระยสะ    
 สำหรับพระยสะนั้น  ท่านเป็นลูกเศรษฐี  มีปราสาทสามฤดู วันหนึ่งท่านรู้สึกเบื่อขึ้นมา  ตื่นขึ้นกลางดึก  เห็นบรรดาพวกสาวใช้นอนกันเกลื่อนกลาด  เหมือนอย่างกับป่าช้าผีดิบ  ท่านก็สวมรองเท้าเดินออกไปข้างนอก  ต้องบอกว่าบุญบันดาล  ท่านเดินไปแล้วก็บ่นไปว่า "ที่นี่วุ่นวายหนอ  ที่นี่ขัดข้องหนอ"  พระพุทธเจ้าทรงเดินจงกรมอยู่พอดี  พอได้ยินก็ทราบวาระ  ทรงตรัสว่า  "ที่นี่ไม่วุ่นวาย  ที่นี่ไม่ขัดข้อง เธอจงเข้ามาที่นี่เถิด เราจะแสดงธรรมให้ฟัง" ยสกุลบุตรก็เข้าไป  ถอดรองเท้า   ถวายบังคม
 
 พระพุทธเจ้าทรงแสดงอนุปุพพิกถาให้ฟัง  สำหรับอนุปุพพิกถา  จะบรรยายเป็นระดับ ๆ ไป   ตั้งแต่เรื่องของทานมีอานิสงส์อย่างไร ?  เรื่องของศีลมีอานิสงส์อย่างไร ?   ทั้งทานและศีลส่งผลให้ไปสุคติ  คือ  สวรรค์ได้อย่างไร ?  การหน่ายกามและการออกจากกามมีประโยชน์อย่างไร ?
 
 พระยสะซึ่งเบื่อสุด ๆ  อยู่แล้ว  พอได้ฟังอนุปุพพิกถาที่ตรงใจพอดี  ก็กลายเป็นพระโสดาบัน  ปรากฏว่าทางบ้านตื่นขึ้นมาวุ่นวายกันไปหมด  เนื่องจากลูกชายหายจากบ้านไป  ก็เลยออกตามหากัน   ต้องบอกว่าเป็นบุญของพ่อ ของแม่ ของภรรยา  เพราะปกติให้คนใช้ไปตามพระยสะก็ได้   แต่ทั้งนี้เขาใจร้อนกันเลยออกตามหาเองด้วย   ก็ตามไปจนเจอพระพุทธเจ้าเดินจงกรมอยู่   พระพุทธเจ้าทรงแสดงอิทธาภิสังขาร กำบังเสียไม่ให้เห็นพระยสะ"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2010 เมื่อ 16:03
 |