ส่วนพระเดชพระคุณพระพรหมกวี (ประกอบ ธมฺมเสฏฺโฐ ป.ธ. ๙, Ph.D.) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๓ เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ท่านได้ให้ข้อคิดเอาไว้ว่า "การเป็นเจ้าอาวาสนั้นต้องมีเวลา มีเสนา มีวิสัยทัศน์ และมีความยุติธรรม"
คำว่า มีเวลา ก็คือ ไม่ว่าเราจะเหน็ดเหนื่อยมาขนาดไหนก็ตาม แต่ว่าเรื่องของพระภิกษุสามเณรภายในวัดนั้น เป็นเรื่องที่ต้องจัดแจงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย กิจการงานคณะสงฆ์ทั้ง ๖ ด้านก็ต้องกระทำให้สมกับที่ได้รับมอบหมาย
ดังนั้น...ไม่ว่าเราจะมีเวลามาก หรือว่ามีเวลาน้อย ก็ต้องสละหาเวลามาให้ได้ ในการที่จะปฏิบัติภารกิจผูกพันให้สมกับตำแหน่งสมภาร ซึ่งถ้าหากว่าแปลก็คือ เสมอด้วยภาระ แปลว่า ทันทีที่ทำหน้าที่เจ้าอาวาสก็ต้องแบกภาระแล้ว
ส่วนคำว่า มีเสนา ก็คือ ต้องมีพระเณรบริวารที่เป็นทีมงาน ช่วยทำหน้าที่ต่าง ๆ ให้ ไม่ว่าท่านจะเก่งกาจขนาดไหนก็ตาม ถ้าภาระหน้าที่มากจนเกินกำลัง ก็ต้องอาศัยผู้อื่นอยู่ดี
ในส่วนของคำว่า มีวิสัยทัศน์ นั้น ก็คือจะต้องรู้ว่าสิ่งหนึ่งประการใดที่จะเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา และเกิดขึ้นกับบุคคลทั่วไป แล้วเราเองก็จะได้เตรียมการรับมือแก้ไขเอาไว้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าหากว่าปุบปับ สิ่งที่เกิดขึ้นโดยฉุกเฉิน อาจจะทำให้เราเองตั้งหลักไม่ทัน ก็อาจจะเสียทีเสียท่าแก่เขาได้
ส่วนข้อสุดท้ายที่ว่า มีความยุติธรรมนั้น ก็คือจะต้องไม่เป็นคนหลายมาตรฐาน ไม่ว่าจะคนจน จะคนรวย จะมีอำนาจวาสนา หรือว่าจะไร้อำนาจวาสนาก็ตาม ถ้าหากว่าเราเป็นเจ้าอาวาสแล้วก็ต้องให้การสงเคราะห์เสมอหน้ากัน
แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพได้เจอมา ก็คือออกกิจนิมนต์ไปยังบ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นงานสวดมนต์ฉันเพลเนื่องจากการฉลองขึ้นบ้านใหม่ เจ้าของบ้านพอเห็นหน้ากระผม/อาตมภาพก็ดีอกดีใจเป็นนักหนา วิ่งมากราบ ออกปากเองเลยว่า "ดีใจมากที่หลวงพ่อมาด้วยตนเอง ไม่นึกเลยว่าบ้านคนจน ๆ อย่างผม หลวงพ่อก็มาด้วย..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-05-2022 เมื่อ 03:09
|