ทนเสียงกดดันไม่ไหวต้องรีบมาเขียนต่อครับ
ขอบคุณหลาย ๆ ท่านที่โทรมาให้กำลังใจ แถมหัวเราะท้องแข็งกันไป ว่าง ๆ ขอให้เจอประสบการณ์แบบกระผม แล้วคุณจะรู้ว่าขำไม่ออก
เมื่อมั่นใจแน่นอนแล้วว่า รถยนต์ของกระผมได้ย้ายสสารไปอยู่ที่อื่นแล้ว
งานนี้ก็หน้าซีดกันเป็นแถว ๆ

โดยเฉพาะทิดโมชเจ้าบ้าน
ทิดโมช: นักการฯ เห็นรถกระบะสีบรอนซ์เงิน สี่ประตู ทะเบียนภูเก็ตบ้างหรือเปล่า ? รถเพื่อนผมหาย จอดไว้ตรงนี้เมื่อคืนตั้งแต่ตอนสี่ทุ่มกว่า ๆ
นักการฯ : เห็นครับ เห็นว่าตำรวจเอารถมาลากไปโรงพักคลองห้า เมื่อคืนตำรวจล้อมจับแก๊งค์ขโมยรถกัน พี่ไม่ได้ยินเสียงโวยวายบ้างเลยหรือ ? ตอนใกล้ ๆ จะหกโมงเช้านะครับ
ทิดโมช :ได้ยินสิ ผมกับเพื่อนยังออกมายืนดูที่หน้าห้องเลย ผมนึกว่าพวกขายยาบ้าธรรมดา ๆ ตำรวจเอารถไปเมื่อไรล่ะ ?
นักการฯ : เมื่อตอนเจ็ดโมงเช้านี้เอง เขาหาเจ้าของ แต่หาไม่เจอเลยนึกว่าเป็นรถที่ขโมยมา เห็นตำรวจบอกว่าวางกำลังล้อมจับผู้ต้องหาสามคน มันเอารถเข้ามาพักที่นี่เมื่อคืนนี้ แล้วไอ้คนที่เป็นหัวโจก มันเอารถมาพักที่นี่เป็นประจำ คงคิดว่าตบตาตำรวจได้เพราะเป็นสถานที่ราชการ
ทิดโมช :เอาอย่างไรดีทิดรัตน์ ? ต้องไปโรงพักคลองห้าแล้วละผมว่า
ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์ : เรารีบไปกันเถอะ งานนี้ผมเซ็งสุด ๆ เลยว่ะ...
รปภ. : "พี่ ๆ ทั้งสามคนจะไปไหนครับ แล้วหิ้วกล่องอะไร ?" เสียงยามรักษาความปลอดภัยร้องทัก พร้อมเดินสืบเท้าเข้ามาหา
ทิดโมช : อ๋อ...ในกล่องมีพระ จะเอาไปถวายพระอาจารย์
ผมสังเกตเห็นยามคนหนึ่งรีบโทรแจ้งตำรวจ พร้อมกับยามอีกคนก็เข้ามาสอบถามรายละเอียดว่า พักห้องไหน ? มาจากไหน ? ผมเห็นท่าไม่ค่อยจะดี เลยถามกลับไปบ้าง
ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์ :
"พี่เห็นรถกระบะสีบรอนซ์เงินบ้างไหม ? ทะเบียนภูเก็ต รถผมหายในมหาวิทยาลัยนี้ ผมมาเยี่ยมเพื่อน พอลงมากะว่าจะออกเดินทางรถก็ไม่อยู่แล้ว
"
รปภ. : อ๋อ...พวกพี่นี่เอง

ตำรวจเขาตามหาตัวพวกพี่อยู่ เมื่อคืนตำรวจรวบแก๊งค์ขโมยรถ เมื่อเช้าเขายังวางกำลังควานหาเจ้าของรถแปลกหน้าคันของพี่อยู่เลย พี่รีบไปโรงพักก่อนเถอะพี่ เพื่อนผมโทรแจ้งประสานไปให้แล้วเมื่อกี้ เอาเดี๋ยวผมเรียกมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งปากทาง แล้วพี่ต่อแท็กซี่ไปเองนะ
ทิดโมช : ขอบใจมาก