อีกส่วนหนึ่งก็คือบรรดาผู้ที่ส่งวัตถุมงคลมาแต่ "ไร้ฝีมือ" ภาคภูมิใจนักหนาว่าได้ถวายของดีกับพระอาจารย์ อาตมาดูแล้ว "ปลอมล้วน ๆ" มึงจะเสียตังค์เยอะแยะไปซื้อมาทำไมวะ !? ถ้าหากว่าไม่มีฝีมือที่จะดูออกว่าจริงหรือปลอม ก็เปลืองเงินเสียเปล่า ๆ เอาไปซื้อข้าวเลี้ยง "เด็ก" ยังดีกว่า..!
เพราะว่าในวงการวัตถุมงคลนั้นเป็นวงการที่บัดซบสุด ๆ..! อะไรที่เป็นของเราเขาจะบอกว่าปลอมหมด แต่ส่วนอะไรที่เป็นของเขา ถึงจะปลอม ก็บอกว่าแท้หมด เพราะว่าเขามีข้อตกลงกันในวงการว่า ถ้าใครมีของดีของแท้ราคาแพงมา ให้ตีปลอมให้หมด เนื่องเพราะว่าถ้าไปขายราคาต่ำกว่าท้องตลาดเมื่อไร เดี๋ยวคนจะวิ่งไปหาเฉพาะคนนั้น แล้วพวกเขาจะขายของไม่ได้ ต่อให้ตีเป็นของแท้ก็ไม่ได้ราคาแพง จะโดนกดราคาจนต่ำติดดิน
อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยยกตัวอย่างว่า เอาพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน ปี ๒๔๙๗ พิมพ์กรรมการ ให้ลูกศิษย์ไปยื่นให้เขาดู เพราะเห็นว่าเขาเพิ่งจะขายองค์ที่สวยสู้ของอาตมาไม่ได้ ไปในราคาสองล้านห้าแสนบาท ปรากฏว่าของเราที่สวยกว่า เขาให้แค่แสนเดียว..!
ด้วยความหมั่นไส้ กระผม/อาตมภาพเลยยกให้ลูกศิษย์ไป บอกว่า "มึงเอาแขวน..เดินโชว์มันทุกวัน..!" เพราะฉะนั้น...ท่านที่ "เล่นวัตถุมงคลด้วยหู" ก็คือฟังแต่นิทานที่เขาเล่า โดยที่ไม่ได้มีปัญญาดูว่าอะไรจริงอะไรปลอมด้วยตัวเอง กรุณาอย่าไปเสียเงินเลย ส่งมาให้อาตมา ก็เอาไปอวดใครไม่ได้ ขายหน้าเขาเปล่า ๆ..!
แม้กระทั่งพระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี เจ้าคณะภาค ๕ ท่านเคยปรารภว่า ท่านอยากจะมีพระเบญจภาคีเอาไว้ติดตัวเป็นมงคลสักองค์หนึ่ง แต่ที่ลูกศิษย์ถวายมาเป็นร้อยองค์ ไม่มีของแท้เลย กระผมจึงถวายท่านไปองค์หนึ่ง หลังจากนั้นไม่กี่วัน ท่านบอกว่าเอาไปให้ในตลาดเช็คแล้ว แท้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วทุกวันนี้ก็ใช้ติดตัวอยู่
เจอหน้าเมื่อไรก็ตบหน้าอกให้ดู บอกว่า "ใช้อยู่นะ" แล้วก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ว่า ตั้งแต่ท่านรับสมเด็จวัดระฆังไป ก็ได้เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม ก็แปลว่า บุคคลที่มีความเคารพเลื่อมใสในวัตถุมงคลจริง ๆ ถ้าหากว่ามีบุญเก่าหนุนเสริม ก็จะมีความเจริญรุ่งเรืองในสิ่งที่สมควรจะได้ สมควรจะเป็น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2022 เมื่อ 02:43
|