เมื่อทำจนกำลังใจทรงตัว อย่างน้อย ๆ ต้องได้ฌานระดับใดระดับหนึ่ง ถึงจะเรียกอย่างเต็มปากเต็มคำว่าอยู่ในระดับของสมาธิ มาถึงระดับนี้ก็ยังไปไม่รอด เผลอเมื่อไรยังมีโอกาสลงอบายภูมิสูงมาก จึงต้องมีในส่วนของปัญญา ที่นำมาพินิจพิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริง ว่าร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี มีความสกปรกโสโครกเหมือนกัน ประกอบไปด้วยความทุกข์ยากเหมือน ๆ กัน
ถ้าหากว่าปัญญารู้แจ้งเห็นจริง ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ถอนจิตออกจากการยึดเกาะร่างกายนี้ ถ้าร่างกายตนเองไม่ยึดเกาะ ของคนอื่นเราก็ย่อมไม่ยึดเกาะ โลกนี้เราก็จะไม่ยึดเกาะไปด้วย ถ้าหากว่าเราสามารถปล่อยได้อย่างแท้จริง เราก็สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้
ดังนั้น...ถ้าหากว่านับเป็นแม่ไม้หลัก ๆ ในพระพุทธศาสนาของเรา ก็คือ ศีล สมาธิ และปัญญา ต้องขยันหมั่นฝึกฝนทุกวัน ยิ่งกว่าที่เรากินอาหารวันละ ๓ มื้อ เพราะว่าอาหารเลี้ยงได้แค่ร่างกาย แต่ว่าในเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญานั้น หล่อเลี้ยงได้ในส่วนของจิตใจด้วย
เมื่อฝึกซ้อมมาก ๆ เข้า มีความชำนาญมากขึ้น มีความเข้าใจมากขึ้น ก็จะมีความก้าวหน้าที่เห็นได้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นแล้ว ปีแล้วปีเล่าก็ติดอยู่แค่นั้น ไปไหนไม่ได้ไกล เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อยู่เสมอ กำลังเริ่มไปได้ดี ๆ ก็หกล้มหกลุก กำลังใจตก สมาธิแตก กรรมฐานแตก
ดังนั้น...พื้นฐานของการฝึกปฏิบัติ ไม่ว่าจะทางโลกหรือทางธรรมก็ตาม ศีล สมาธิ ปัญญา จะต้องเป็นหลักอยู่เสมอ ความพากเพียร ความอดทนต้องมีเกินร้อย อย่าไปหวังว่าจะได้สบาย ๆ บุคคลที่ฟังธรรมแล้วบรรลุเลย พระพุทธเจ้าพาไปหมดแล้ว ของพวกเรานี่ต้องจ้ำจี้จ้ำไช ปากเปียกปากแฉะ ซักซ้อมกันแล้ว ๆ เล่า ๆ ต้องไม่เบื่อ ต้องไม่หน่าย กว่าจะได้อะไรแต่ละที รู้สึกว่ายากเย็นแสนเข็ญ แต่ถ้าได้แล้วก็เป็นที่ปลื้มใจ รู้สึกว่าคุ้มกับความเหนื่อยยากของตัวเอง
ฉะนั้น...ที่บอกกล่าวแก่พวกเราในวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อชี้แจงให้ทราบว่า ในเรื่องของการใช้วัตถุมงคลนั้น นอกจากความเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดจิตสุดใจแล้ว เคล็ดลับพระคาถาต่าง ๆ ที่ประกอบอยู่ จำเป็นต้องมี และต้องอาราธนาให้เป็น อาราธนาด้วยความเคารพในคุณพระพุทธเจ้าจริง ๆ ในคุณพระธรรมจริง ๆ ในคุณพระสงฆ์จริง ๆ ไม่ใช่อาราธนามุ่งร้ายหมายขวัญต่อคนอื่น ใครทำร้ายเราขอให้ตอบสนองไปร้อยเท่าพันทวี ถ้าวางกำลังใจผิดแบบนั้น ก็คงจะใช้ได้แค่บาทหนึ่งสลึงหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ของมีราคาหลายล้าน..!
จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2022 เมื่อ 17:47
|