ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 24-02-2022, 23:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,214 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงจุดนี้ ทำให้เห็นชัดว่าสมัยก่อนนั้นพระท่านไปธุดงค์ ไปหาธรรมด้วยการเอาชีวิตเข้าแลก ขนาดงูใหญ่ปานนั้น ก็ยังไม่ถอนกลดหนี แต่ว่าสมัยนี้จะเรียกว่าธุดงค์ก็ไม่ได้ เพราะว่าธุดงค์ต้องเป็นการเดินป่า อย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า "ต้องไปให้ห่างบ้านคน ชนิดไม่ได้ยินเสียงหมาเห่าหรือไก่ขัน ป้องกันการที่ญาติโยมมารบกวน" แต่ว่าสมัยนี้มักจะเดินระหว่างบ้านต่อบ้าน หรือว่าเดินในเมือง เดินบนถนนลาดยางหรือว่าถนนคอนกรีต ซึ่งไม่ได้มีลักษณะของการธุดงค์เลย

แต่ก็ยังดีที่ว่ามีหลายท่านที่กำลังใจยังต้องการจะขัดเกลาตัวเอง ก็น่าจะได้ในเรื่องของความเพียร คือวิริยบารมี และในเรื่องของความอดทน คือขันติบารมี ส่วนอื่น ๆ ก็ต้องแล้วแต่บุญวาสนาเดิมที่สร้างมาเป็น "ปุพเพกตปุญญตา" ว่าจะนำพาไปทางไหน

แต่ถ้าอย่างที่พระท่านมาขออนุญาตกับกระผม/อาตมภาพนั้น ก็คือเดินเข้าป่าใหญ่ จากทางด้านทองผาภูมิลัดขึ้นไปทางอุ้มผาง ก็แปลว่ามีโอกาสเจอสัตว์ร้ายอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าช่วงที่กระผม/อาตมภาพธุดงค์เส้นนั้น ใช้วิธีเดินตัดป่าไป เดินตามด่านสัตว์ ไม่ได้เดินระหว่างบ้านต่อบ้าน จึงไม่สามารถที่จะชี้แจงได้ชัดเจนว่า เส้นทางระหว่างบ้านต่อบ้านนั้นเป็นอย่างไร

รู้อยู่แต่ว่ามีครั้งหนึ่งเดินอยู่ ๑๑ วัน ไม่เจอบ้านคนเลย อยู่แต่ในป่าใหญ่ตลอด แล้วเป็นป่าใหญ่ที่ทึบจนกระทั่งแสงแดดแทบจะส่องไม่ถึงพื้น เดินจนรำคาญ ก็เลยตั้งใจขอบารมีพระ ทำการชุมนุมเทวดา ขอให้เจ้าที่ท่านช่วยชี้ทางให้ ซึ่งพื้นที่ตรงนั้น ท่านโมเช่ที่นำทางให้บอกว่าเดินอีกอย่างน้อย ๗ วัน แต่ปรากฏว่าพอชุมนุมเทวดาแล้ว เดินอีกพักเดียวก็ทะลุ ก็ถือเสียว่าเดินหลงทางก็แล้วกัน แต่เป็นการหลงแล้วพ้นป่าใหญ่ไปได้

ท่านที่จะไปธุดงค์ขอให้ตัดใจว่าเราไปตาย เหมือนอย่างที่กระผม/อาตมภาพไปครั้งแรก พระพี่พระน้องจะตามไป ๗ รูป ๘ รูป พอถึงเวลารู้ว่าจะไปทางไหนก็หนีกันหมด ไม่มีใครไปด้วย เพราะเห็นว่าไปตายชัด ๆ ถ้าเราตัดใจว่าไปตาย ไม่อาลัยในชีวิตนี้ โอกาสที่จะได้ดีก็มีสูง แต่ถ้าหากว่ายังกลัวตาย ยังห่วงใยชีวิตอยู่ ก็แล้วแต่วาสนาบารมีว่าตัวเราสร้างมาอย่างไร

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2022 เมื่อ 03:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา