เวลา ๕.๔๕ น. เช้าตรู่ของวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
"เฮ้ย! วางกำลังล้อมเอาไว้ ระวัง ๆ มันมีปืนนะ ออกมามอบตัวดีกว่า นั่น ๆ มันซุกอยู่ตรงนั้น ค่อย ๆ ล้อมเข้าไป อย่าต่อสู้นะ ถ้าต่อสู้เจอวิสามัญฯ นะ ระวัง ๆ ออกมา ๆ กูสั่งให้ออกมา ชูมือขึ้น....นอนลง"
เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นมาจนถึงชั้นสี่ กระผมและทิดโมชนอนกันอยู่ในห้องได้ยินเสียงแปลก ๆ ก็สงสัยว่าเสียงอะไรจึงรีบเปิดประตูออกไปดู เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยอาวุธครบมือ ล้อมจับผู้ต้องหา
ทิดโมช : ทำอะไรกัน?
ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์: ทิดโมชเข้าห้องดีกว่าท่าน อาวุธครบมือเลยนะ คงไม่ได้มาเล่นไล่จับกันหรอก อันตรายเดี๋ยวเจอลูกหลง....ส่วนคุณกิ๊กนอนกรนอยู่ในห้อง อือม์ รายนี้นอนหมดสภาพจริง ๆ
กระผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เข้าใจไปว่าตำรวจคงมาไล่จับคนส่งยาบ้าหรือขโมยกระจอก ๆ อะไรทำนองนั้น แต่เมื่อตื่นแล้วจะไปนอนต่อก็ใช่เรื่อง ทิดโมชเปิดทีวีดูข่าว พร้อมส่งเสียงเชิญชวนให้ชงกาแฟดื่มกัน ไม่กี่อึดใจคุณกิ๊กก็ตื่นมาร่วมวงกาแฟ สนทนากันอย่างได้อรรถรส จนเวลาผ่านไปใกล้จะแปดโมงเช้าแล้ว จึงทยอยกันอาบน้ำเตรียมตัวออกไปทำธุระ ตามกำหนดการต่าง ๆ
ได้เวลาออกเดินทางแล้ว เอาช่วยกันอาราธนาพระแก้วใสทรงเครื่องทั้ง ๕ องค์ไปที่รถ โดยคุณกิ๊กยกไปสององค์ ผมสององค์ ทิดโมชหนึ่งองค์ กำลังใจมันฟูมาก เพราะจะได้นำไปถวายหลวงพ่อ
"ถวายพระแก้วใส ทุกเดือนแบบนี้ ตายไประวังจะมองกายทิพย์ตัวเองไม่เห็น เพราะอานิสงส์การถวายพระแก้วใสนั้น ทำให้กายทิพย์มีความใสสว่างมาก ๆ" ทิดโมชเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อท่านบอกทิดโมชและคณะแบบนี้
กำลังใจของผมมันเลยฟูมาก ยกแบบเกร็งแขนตั้งแต่ชั้นสี่ ลงมาชั้นล่าง พอเจ้ากิ๊กหันมาบอกเท่านั้นว่า
"พี่รัตน์รถหาย เมื่อคืนพี่จอดรถตรงนั้นหรือเปล่า" เท่านั้นแหละครับโผล่หน้าออกไปดู พลางคิดในใจอะไรมันบังตูหรือเปล่าวะ ?(ในความเป็นทิพย์ ท่านใดมาแกล้งหรือเปล่า ? ถ้าแกล้งกันเป็นได้มีเรื่อง..มีเรื่อง)
แล้วสิ่งที่ได้เห็นมันคือความว่างเปล่า รถหายไปจริง ๆ กำลังใจที่ยกพระแบบแขนเกร็ง ๆ คราวนี้อ่อนปวกเปียกไปหมด หาที่วางพระได้ก็รีบกระโจนลงไปตรงบริเวณที่เคยจอดรถเมื่อคืน ค่อย ๆ เอามือแหวกไปในอากาศเผื่อจะเจอรถ (คิดได้อย่างไร..?) แต่ไม่เจอแม้แต่โมเลกุลของรถ....
ก๊ากกกกกกกก รถหาย! งานนี้ไอ้หวังตายแน่ ภรรยาคงยื่นซองขาวให้แน่นอน..............





