| 
				  
 
			
			พระอาจารย์กล่าวว่า  "โลกยุคปัจจุบันนี้เป็นยุคของ วิชชามัยฤทธิ์  ฤทธิ์ที่เกิดขึ้นจากวิชาการต่าง ๆ สร้างเสริมขึ้นมา  พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้สองพันกว่าปี  มีชัดเจนในยุคเรานี้  ยุคอื่น ๆ ก็ยังไม่ใช่   
 สมัยก่อนต้องได้อภิญญา  สมัยนี้ไม่ต้อง  ไม่ว่าอยู่มุมไหนของโลก แค่กดปุ่มก็เห็นหน้ากันแล้ว   จะคุยกันก็ได้ยินเสียงถึงกัน เหล็กหนักเป็นร้อย ๆ ตัน  เอาไปลอยน้ำ ไปลอยบนฟ้าได้  กลายเป็นว่าวิทยาศาสตร์ยิ่งก้าวหน้าไปใหญ่  จะเห็นว่าพระพุทธเจ้าท่านเป็นสุดยอดอัจฉริยะ  ท่านบอกกล่าวล่วงหน้าไว้หมดทุกอย่าง
 
 สองพันกว่าปีก่อน  ใครจะมีปัญญาไปดูว่า เด็กที่อยู่ในครรภ์ตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิ  หน้าตาเป็นอย่างไร ? พระพุทธเจ้าบอกรายละเอียดไว้เลย  ตั้งแต่สัปดาห์แรกลักษณะเป็นอย่างไร  มีความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไร  บอกไว้หมด   สมัยนี้พอไปศึกษาแล้วรู้เห็นตามนั้น  กลายเป็นว่าเขามาสงสัยอีก  ว่าพระพุทธเจ้ารู้ได้อย่างไร ?
 
 ต้องดูในอินทกสูตร  ยักษ์ชื่ออินทกะ อาศัยอยู่บนยอดเขาชื่ออินทกะ  เลยเรียกว่าอินทกสูตร   ยักษ์ไปหาพระพุทธเจ้าแล้วก็สอบถาม  พระพุทธเจ้าท่านบอกรายละเอียดไว้หมดเลย   ตั้งแต่เริ่มเป็นกลละ  ขึ้นเป็นอัพพุททะ  เป็นเปสิ  เป็นฆนะ ฯลฯ ไล่ไปเรื่อย"
 
 ถาม :  เดี๋ยวนี้ในหนังสือเรียนอย่างเรื่องไตรภูมิ  เขาไม่ได้ระบุไว้  ว่าแท้จริงแล้วมีเนื้อหามาจากพระไตรปิฎก  ส่วนมากเขามักจะไม่เชื่อกัน  กลายเป็นเรื่องตลกหัวเราะกัน
 ตอบ :  แทนที่จะพิสูจน์ทราบ  ก็กลายเป็นเห็นว่าเหลวไหลแล้วไม่เชื่อ  จะว่าไปแล้วเป็นเรื่องของคนขาดปัญญา    ขาดปัญญาไม่พอ ความใฝ่รู้ก็ไม่มีด้วย
 
 กำลังรออยู่ว่าเมื่อไรจะถึงยุคเมทริกซ์เสียที   ที่คนอยากรู้เรื่องอะไรก็เสียบปลั๊กโหลดข้อมูลเลย เสียบกับหัวของเรา  รู้สึกสยอง ๆ พิกล  ว่าจะถูก
 ก็อปปี้ข้อมูลไปเมื่อไร
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2010 เมื่อ 02:44
 |