ส่วนในช่วงบ่ายวันนี้นั้น กระผม/อาตมภาพก็เข้าร่วมประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ปรากฏว่าวันนี้เรื่องยาว มีหลายเรื่องมาก จึงลากยาวจนกระทั่งเกือบ ๕ โมงเย็นถึงได้ปิดประชุม ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงตักเตือนเรื่องการใช้สื่อโซเชียล ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้กับเราได้ง่ายที่สุด
ตัวอย่างก็คือมีอยู่วัดหนึ่ง ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าคิดอะไร มีศพเข้ามาจัดงานตามปกติ แต่เจ้าอาวาสไปโพสต์ลงเฟซบุ๊กว่าเป็นศพของคนยากจน ขอให้ญาติโยมช่วยกันโอนเงินทำบุญเข้าบัญชีเจ้าอาวาส เพื่อที่จะได้ช่วยกันจัดการงานศพให้เหมาะสม
ปรากฏว่ามีคนโอนเงินให้ทำบุญจำนวนมากยังไม่พอ ยังมีการแชร์ต่อไปอีกด้วย จนไปเข้าตาลูกหลานของผู้ตายเข้า คราวนี้ก็เป็นเรื่อง เพราะว่าลูกหลานผู้ตายยืนยันว่า ตนเองไม่ใช่คนยากจน ค่าใช้จ่ายเท่าไรสามารถดูแลเองได้หมด แล้วทำไมเจ้าอาวาสไปทำอย่างนั้น ? จึงมีการฟ้องร้องขึ้นมาตามลำดับชั้น จนเดือดร้อนกันไปหมด
ที่ผู้บังคับบัญชาท่านตักเตือนก็เพราะว่าการที่เราโพสต์อะไรบางอย่างลงเฟซบุ๊กโดยปราศจากวิจารณญาณ อาจจะพาเรื่องเดือดร้อนให้เกิดขึ้นมากกว่าที่คิด
อย่างสมัยก่อนวัดท่าขนุนก็มีแม่ชีที่โดนขับออกจากวัดเหมือนกัน ไปถ่ายรูปตอนที่หมานอนอยู่ แล้วก็ไปโพสต์บอกว่า วัดท่าขนุนปล่อยให้หมาอด ๆ อยาก ๆ ถึงขนาดไม่มีแรงจะเดิน แล้วขอรับบริจาคช่วยหมา ทำให้เพจดังอย่างมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ กระหน่ำเล่นงานวัดเราเสียไม่เป็นผู้เป็นคน จนกระผม/อาตมภาพต้องถ่ายรูปหมาทุกตัวไปให้ดูว่า ที่นอนเพราะว่าหมานั้นอ้วนจนลุกไม่ขึ้น..!
แล้วก็บอกให้ลูกศิษย์ช่วยกันกระหน่ำทางเพจคืนไปว่า รับข้อมูลอะไร อย่าฟังความข้างเดียว ให้ศึกษาเสียก่อนว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 01-02-2022 เมื่อ 22:13
|