คราวนี้ในส่วนของพระภิกษุสามเณรนั้นเป็นเรื่องที่หนักมาก เพราะว่าบรรพชาเป็นของหนัก ถ้าเราเองปราศจากศรัทธาทั้ง ๔ ข้อ ไม่ขวนขวายเร่งรัดในการประพฤติปฏิบัติของตัวเอง ไม่เร่งรัดในการศึกษาพระปริยัติธรรม ปฏิเวธ คือผลที่จะเกิดจากการศึกษาและปฏิบัติก็ไม่มี แล้วเราจะเอาอะไรไปให้ญาติโยมที่สนับสนุนค้ำจุนเราเชื่อถือเรา เพราะว่าแม้แต่ตัวเราเอง เราก็ยังปราศจากศรัทธาที่แท้จริงต่อคุณพระรัตนตรัย
ดังนั้น...ในโอกาสที่ท่านทั้งหลายได้มาปฏิบัติธรรม แม้ว่าจะเป็นไปโดยการบังคับของหลักสูตร แต่ขอให้รู้ว่าทุกท่านเป็นบุคคลที่โชคดีอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าการปฏิบัติธรรมนั้น เป็นของบุคคลที่ทรงปรมัตถบารมีเท่านั้น ถ้าหากว่าเป็นบารมีต้นหรือบารมีกลาง ท่านไม่สามารถที่จะปฏิบัติธรรมได้
บารมีต้น ให้ทานได้อย่างเดียว รักษาศีล ปฏิบัติธรรมไม่เป็นเลย บารมีกลาง สามารถให้ทานได้ รักษาศีลได้ ปฏิบัติธรรมไม่ได้ เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เหมือนกับเกินความสามารถ หรือถ้าหากว่าพูดแบบเด็กติดเกมก็คือ "เลเวลไม่ถึง" ต้องปรมัตถบารมีเท่านั้น ท่านทั้งหลายถึงจะมีโอกาสเข้ามาปฏิบัติธรรม
ดังนั้น...ในส่วนนี้แม้ว่าจะเป็นการบังคับของหลักสูตร เป็นระเบียบที่เราต้องยึดถือและปฏิบัติ แต่ต้องถือว่าเราโชคดีอย่างยิ่ง เพราะว่าเรามีโอกาสปฏิบัติถึง ๑๐ วัน สำหรับปริญญาตรีและประกาศนียบัตร ถ้าเป็นปริญญาโทก็ปีละ ๑๕ วัน ถ้าเป็นปริญญาเอกก็ ๔๕ วัน แล้วถ้ายิ่งมาสายวิปัสสนาภาวนาโดยตรง ก็มีทั้ง ๓๐ วัน มีทั้ง ๓ เดือน มีทั้ง ๗ เดือน แล้วปัจจุบันนี้น่าจะ ๑ ปีสำหรับในระดับปริญญาเอก
การที่ท่านทั้งหลายเข้ามาปฏิบัติธรรมตรงนี้ เราจะรู้สึกว่าทุกข์ทรมานมาก ต้องบังคับกาย วาจา ใจของตนเองให้อยู่ในกรอบ ต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ตรงจุดนี้ขอให้ท่านทั้งหลายเข้าใจว่าความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ตัวเรานะครับ เป็นเรื่องของกิเลสล้วน ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2022 เมื่อ 18:07
|