ถาม : การฝึกมโนมยิทธิ คือการฝึกแบบไหนครับ ?
ตอบ : มโนมยิทธิเป็นทิพจักขุญาณ คำว่าทิพจักขุญาณ เราเข้าใจกันง่าย ๆ ว่าตาทิพย์ ทิพจักขุญาณของมโนมยิทธิเป็นการที่เราเคยทำได้ในชาติก่อน แล้วมาทบทวนของเก่า พอจิตสงบลงได้ระดับ ก็จะเกิดความเป็นทิพย์ขึ้น สามารถเห็นผีเห็นเทวดาได้
ถ้าท่านไหนเคยฝึกมาในสายธรรมกาย ก็แบบเดียวกันเลยครับ เพียงแต่ว่าทางสายธรรมกายนั้น เราต้องเริ่มจากการกำหนดภาพลูกแก้ว ผู้หญิงเข้าทางช่องจมูกซ้าย ผู้ชายเข้าทางช่องจมูกขวา กว่าจะผ่านครบ ๗ ฐาน กว่าจะเห็นดวงแก้วที่ศูนย์กลางกาย ไล่ตั้งแต่กายมนุษย์หยาบขึ้นไป จนกระทั่งถึงกายพระอรหันต์ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว อยากรู้อะไรก็ถามธรรมกายที่ปรากฏขึ้น ส่วนมโนยิทธินี่ไปใช้ตอนปลายครับ ก็คือถึงเวลาจับตอนปลายเลย ดังนั้น...ถ้าไม่มีพื้นฐานเก่ามาก่อน ไม่สามารถที่จะทำได้ครับ
ถ้าหากว่าให้ผมเปรียบเทียบ ธรรมกายก็เหมือนอย่างกับเราสร้างบ้านด้วยการเขียนแปลน ผูกเหล็ก เทโครงขึ้นมาตั้งแต่ต้นเลยครับ จนกระทั่งกลายเป็นบ้านทั้งหลังให้เราอยู่ได้ ส่วนมโนมยิทธิเหมือนลูกคนรวยครับ ไปซื้อคอนโดมีเนียมอยู่ มีสถานที่อยู่เหมือนกันนะครับ คือ ผลสุดท้ายสามารถรู้เห็นได้เหมือนกัน แต่ว่าการรู้เห็นมักพาให้เสียครับ
หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านสอนมโนมยิทธิ เพราะท่านเชื่อว่าลูกศิษย์ของท่านฉลาด สามารถเอาไปใช้ถูกต้อง แต่จากประสบการณ์ของผม เห็นว่าใช้ผิดเกิน ๙๐ เปอร์เซ็นต์ครับ ท่านให้ดูว่าเราเกิดมากี่ชาติแล้ว มีชาติไหนไม่ทุกข์บ้าง ? ทุกข์ยากขนาดนี้เพียงพอแล้วหรือยังที่เราจะปฏิบัติเพื่อหนีความทุกข์นี้ ?
แต่เขาไม่ใช้อย่างนี้ครับ เที่ยวไปดูว่าคนโน้นเป็นผัวเรา คนนี้เป็นเมียเรา แล้วท้ายที่สุดแทนที่จะเข็ดว่าเกิดมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว ก็ดันไปฟื้นความสัมพันธ์เก่าอีกด้วย ลักษณะอย่างนี้แหละครับถึงได้เละเทะไม่เป็นท่า แล้วถึงเวลาเขาท้าพิสูจน์ก็ไม่สามารถที่จะพิสูจน์ได้ จนกระทั่งกลายเป็นคำพูดกึ่งเยาะเย้ย กึ่งถากถางที่เขาบอกว่า "อย่ามโน" ครับ
ดังนั้น...ในเรื่องของมโนมยิทธิเป็นเรื่องของทิพจักขุญาณครับ เป็นการฟื้นของเก่าขึ้นมาใช้ ถ้าเราไม่มีพื้นฐานในอดีตจะทำยากครับ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2021 เมื่อ 04:58
|