ตัณหาปัจจะยา อุปาทานัง ความยึดมั่นถือมั่นปรากฏทันทีเลยว่า กูเอาอันนี้ กูไม่เอาอันนี้
อุปาทานะปัจจะยา ภะโว ในเมื่อคุณยึดก็ต้องมีที่ให้ยึด ที่ยึดคือภพครับ ภพคือสถานที่ ในเมื่อมีที่ให้คุณไปยึดแล้วเกิดอะไรขึ้นครับ ?
ภะวะปัจจะยา ชาติ ก็เกิดทันทีเลย คราวนี้ก็ตามมาเป็นหางว่าวยาว เป็นรางรถไฟตามตูดมาเลยครับ
ชาติปัจจะยา ชะรา มะระณัง โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา สัมภะวันติฯ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความทุกข์โศก ร่ำไร ความเหือดแห้งใจ ความกระทบกระทั่งสิ่งที่ไม่ชอบใจ ความปรารถนาไม่สมหวัง ตามมายาวเหยียดยืดยาดเลยครับ
ดังนั้น...ในส่วนของปฏิจจสมุปบาท ถ้าหากว่าเราไม่ได้ปฏิบัติไปถึงระดับหนึ่งจริง ๆ จะอธิบายไม่ถูกนะครับ เพราะว่าจะเป็นส่วนของ "ปัจจัตตัง" รู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น ที่ผมว่ามานี้เป็นแค่ส่วนหยาบ ๆ เท่านั้น ไม่ใช่รายละเอียดที่เกิดขึ้นในเวลาที่ท่านทั้งหลายปฏิบัติจริง ๆ
ในส่วนของปฏิจจสมุปบาทที่บอกว่าปัญญาภูมินิเทส ถ้าท่านทั้งหลายสังเกต จะเห็นว่ามีสายเกิดกับสายดับ สายเกิดเขาเรียกว่าสมุทยวาร ก็คือเกิดอวิชชาแล้วก็ไล่ไป สังขารเกิด วิญญาณเกิด นามรูปเกิด ไล่ไปเรื่อย
แล้วคราวนี้มีสายดับครับ ดับอย่างไร ? ย้อนกลับครับ ก็คือถ้าอวิชชาดับ สังขารก็ดับ วิญญาณก็ดับ นามรูปก็ดับ อายตนะก็ดับ ไล่ไปเรื่อย เขาถึงได้ใช้คำว่า นิรุชฌันติ เข้าถึงความดับ ก็แปลว่าเราจะเลือกอย่างไร ? เราจะเลือกต่อความยาวสาวความยืดให้เกิดขึ้น แล้วก็พาเราเวียนว่ายตายเกิด ทุกข์ไม่รู้จบ หรือเราจะดับ ก็อยู่ที่ท่านทั้งหลาย เมื่อปฏิบัติไปถึงแล้วก็เลือกหากันเอาเองนะครับ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-12-2021 เมื่อ 02:33
|