พระองค์ท่านต้องทำอย่างนั้น เพราะความเมตตาสงสารบุคคลที่ไม่รู้ หวังจะกำจัดพระองค์ท่านไม่ให้เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช รวบรวมทั้งโลกเป็นผืนเดียวกัน ก็เลยต้องใช้ระยะเวลาถึง ๑๑ วัน ทั้ง ๆ ที่วันเดียวก็ไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ?
แล้วทำไมถึงต้องเป็นอย่างนั้น ? เพราะว่าพระพุทธเจ้ามีมหาปุริสลักษณะถึง ๓๒ ประการกับอนุพยัญชนะอีก ๘๐ ประการ ใครเห็นก็จำได้ จึงต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ค่อย ๆ ย่องไป
อันนี้ถือว่าเป็นข้อสันนิษฐานหรือว่าเป็นนิทานเล่าสู่กันฟังเฉย ๆ ก็พอ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพอ่านหนังสือ ไม่ได้อ่านเหมือนกับญาติโยมทั่วไปหรอก อ่านแล้วขี้สงสัย อย่างเช่นว่า ม้ากัณฐกะพาพระพุทธเจ้าเสด็จออกจากกรุงกบิลพัสดุ์ มาอธิษฐานเพศบวชที่ริมฝั่งแม่น้ำอโนมา
ริมฝั่งแม่น้ำอโนมานี่อยู่ในแคว้นมคธของพระเจ้าพิมพิสาร ตรงกลางนี่มีแคว้นโกศลมหึมามโหฬารของพระเจ้าปเสนทิโกศลขวางอยู่ ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คือม้ากัณฐกะวิ่งผ่าน ๒ ประเทศ..! ก็คือประเทศโกศลกับประเทศมคธ ส่วนประเทศสักกะที่มีกบิลพัสดุ์เป็นเมืองหลวง เป็นประเทศเล็กนิดเดียว สมัยนี้ก็ประมาณประเทศบรูไน เพราะฉะนั้น..ที่เขาบอกว่าม้ากัณฐกะต้องกลับ เพื่อนำเอาเครื่องทรงของสิทธัตถะราชกุมารไปกราบทูลพระราชบิดา โดยนายฉันนะเป็นคนจูงม้ากัณฐกะกลับ ในบาลีบอกว่าพอลับสายตา ม้ากัณฐกะก็หัวใจสลายล้มตายลง..!
กระผม/อาตมภาพคิดว่าไม่น่าจะใช่ เราลองนึกถึงว่าม้าตัวนั้นอายุ ๒๙ ปี เพราะว่าเกิดพร้อมกับเจ้าชายสิทธัตถะ เกิดวันเดียวกัน เป็นสหชาติกัน ม้าอายุ ๒๙ ปีนี่โคตรแก่เลยนะ แล้ววิ่งผ่านไป ๒ ประเทศ ตกลงว่าจะหัวใจสลายตายดี หรือว่าม้าแก่วิ่งจนเกินกำลังแล้วเหนื่อยตายดี ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-11-2021 เมื่อ 23:24
|