การที่เราไปอยู่ที่วัดใดวัดหนึ่งก็ตาม ควรที่จะทำบุญกับวัดนั้น ไม่ใช่ไปทำบุญกับวัดอื่น การที่เราจะทำบุญกับวัดอื่นได้ เจ้าของที่หรือเจ้าอาวาสต้องมีกำลังใจที่สูงพอ ไม่อย่างนั้นแล้วถึงเวลาเห็นพวกเราทำบุญกับวัดท่าขนุน...ทำบุญกับวัดท่าขนุน ก็จะเกิดความคิดว่า "แล้ววัดกูล่ะ ?"
เรื่องพวกนี้หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเจอมาเยอะต่อเยอะด้วยกัน ท่านถึงได้สั่งสอนลูกศิษย์ทุกรูปว่า "เงินเกิดขึ้นที่ไหน ให้ทิ้งไว้ที่นั่น" แล้วท่านก็ทำให้ดูเป็นตัวอย่างทุกครั้ง แล้วก็ไม่ใช่เงินน้อย ๆ อย่างไปวัดบางนมโค ปี ๒๕๒๗ ญาติโยมทำบุญกับท่านตรงนั้นสี่แสนกว่าบาท ท่านก็ทิ้งไว้ให้กับวัดบางนมโคทั้งหมด..!
ในชีวิตของกระผม/อาตมภาพเคยนำเงินกลับมาครั้งเดียว ก็คือตอนจัดสวดพระคาถาเงินล้านครั้งแรกที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เนื่องเพราะว่าผู้จัดเป็นฆราวาส ไม่ใช่พระ เงินที่ญาติโยมถวายมาเท่ากับเป็นสังฆทาน ถ้าเจ้าของสถานที่เป็นพระ ยังพอที่จะถวายให้กับท่านได้ แต่พอเป็นฆราวาสก็เลยไม่รู้ว่าจะให้อย่างไร จำเป็นที่จะต้องเก็บกลับมา
ดังนั้น...ไม่ว่ากระผม/อาตมภาพจะไปที่ไหนก็ตาม ส่วนที่จะรับกลับมาก็คือไทยธรรมชุดหนึ่งที่ทางเจ้าภาพเขาถวายตามที่นิมนต์เท่านั้น ส่วนที่เหลือทั้งหมดก็ทิ้งเอาไว้ให้ที่นั่น เป็นภาระของเจ้าของวัดต้องไปดำเนินการเอง
ญาติโยมหลายท่านอาจจะคิดว่ามาวัดท่าขนุนยาก พอไปใกล้บ้านของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นวัดไหนก็ตาม ก็เลยฉวยโอกาสทำบุญกับวัดท่าขนุน ถ้าคิดอย่างนั้นก็ "ใช่ของโยม" แต่ "ไม่ใช่ของอาตมา" ก็ดังที่ได้กล่าวเอาไว้แล้วว่า ถ้าหากว่าเจ้าของที่หรือว่าเจ้าอาวาสกำลังใจไม่สูงพอ ดีไม่ดีก็มีการทะเลาะเบาะแว้งกับญาติโยมไปเลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-11-2021 เมื่อ 01:05
|