คราวนี้การที่เราทั้งหลายจะประพฤติปฏิบัติในวิปัสสนา โดยเฉพาะการพิจารณาในเบื้องต้นจนถึงเบื้องปลาย ก็ให้เริ่มกำหนดจนกระทั่งสมาธิ หรือว่าพองยุบของเรา ทรงตัวมั่นคง อย่างน้อยในระดับที่รู้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับก็เป็นไปเอง เสร็จแล้วก็คลายกำลังใจลงมา พินิจพิจารณาให้เห็นว่า สรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นวัตถุธาตุ เป็นสิ่งของก็ตาม ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วเสื่อมสลายไป
ถ้าหากว่าดูภายนอก อาจจะทำให้เราฟุ้งซ่าน ก็มาดูภายใน นึกย้อนหลังไปตั้งแต่เราอยู่ในท้องของแม่ ถ้าหากว่าเที่ยงแท้แน่นอน เราต้องไม่คลอดไม่เคลื่อนออกมาข้างนอก แต่นี่เราคลอดเราเคลื่อนออกจากท้องแม่มา แสดงว่าเป็นอนิจจังหาความเที่ยงไม่ได้
เมื่อออกมาแล้ว ถ้ามีความเที่ยงแท้แน่นอน เราก็ต้องตัวเล็กอยู่อย่างนั้น แต่ปรากฏว่าเมื่อได้รับการถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูจากบิดามารดา เราก็ค่อย ๆ เจริญเติบโตขึ้นมา จากเด็กเล็กนอนหงายตะกายอากาศ ก็เริ่มพลิกได้ คว่ำได้ คืบได้ คลานได้ หัดตั้งไข่ ยืน เดิน วิ่ง จากไม่มีฟันก็มีฟัน
ถ้าหากว่าเที่ยงแท้แน่นอน ต้องทรงอยู่ในระดับเด็กทารกเพิ่งเกิด แต่นี่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงมา จากเด็กเล็กกลายเป็นเด็กโต เป็นเด็กหนุ่มเด็กสาว เป็นหนุ่มสาวเต็มตัว ก้าวเข้าสู่วัยกลางคน ก้าวไปสู่วัยชรา ในที่สุดก็หมดสภาพ ตายลงไป
ถ้าหากว่าเที่ยงแท้แน่นอน ต้องไม่เปลี่ยนแปลง แต่นี่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ตัวเราก็เป็นเช่นนี้ คนอื่นก็เป็นเช่นนี้ สัตว์อื่นก็เป็นเช่นนี้ วัตถุธาตุต่าง ๆ ก็เป็นเช่นนี้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2021 เมื่อ 17:43
|