หลักคำสอนที่ ๑๐ : ปกิณกธรรมที่ช่วยให้พ้นจากอำนาจของกิเลส มีความสำคัญโดยย่อดังนี้
๑๐.๑ กิเลสและตัณหาล่อลวงให้จิตไม่หลุดพ้นจากวัฏสงสาร ทางพ้นมีเป็นขั้นตอนดังนี้
ก) ผู้ใดตั้งอยู่ในนิจศีล คือศีล ๕ ผู้นั้นชื่อว่ายังหนาอยู่ด้วยกิเลส แต่เป็นผู้บางจากกิเลสไปขั้นหนึ่ง (อธิศีล เพียรรักษาศีลจนกระทั่งศีลรักษาใจเราให้เป็นสีลานุสติ มีผลทำให้พ้นวังวนหรือวัฏสงสารจากอบายภูมิทั้ง ๔ หรือนรก ได้เป็นพระอริยเจ้าเบื้องต้น คือพระโสดาบันและพระสกิทาคามี)
ข) ผู้ใดตั้งอยู่ในอุโบสถศีลคือ ศีล ๘ ชื่อว่าบางจากกิเลสได้ขั้น ๒ (เพียรรักษาอารมณ์จิต คือราคะ (โลภะ) กับปฏิฆะ (โทสะ) ให้ทรงตัวจนจิตเป็นฌาน เป็นอัตโนมัติ แบบที่เพียรรักษาศีลจนศีลรักษาเราไม่ให้ทำผิดศีลอีก ขั้น ๒ นี้ก็เพียรรักษาอารมณ์ทั้ง ๒ นี้ จนอารมณ์ ๒ นี้รักษาเราไม่ให้เกิดอารมณ์ราคะ (โลภะ) กับปฏิฆะ (โทสะ) อีก เรียกว่ามีอธิจิต มีผลทำให้พ้นจากวังวนขั้น ๒ ทรงจัดไว้เป็นพระอริยเจ้าเบื้องสูง คือเป็นพระอนาคามี จิตไม่ต้องกลับมาเกิดมีขันธ์ ๕ หรือมีร่างกายมนุษยโลกอีกอย่างถาวร ทุกข์ทั้งหลายล้วนมีเหตุจากการเกิดมีร่างกาย หรือขันธ์ ๕ ทั้งสิ้น เมื่อไม่ต้องเกิดมาในมนุษยโลกแล้ว ทุกข์จากขันธ์ ๕ ก็ย่อมไม่มี
ค) ผู้ตั้งอยู่ในศีล ๑๐ (คือบวชเป็นเณร) ชื่อว่าบางจากกิเลสได้ขั้นที่ ๓ (เพราะเณรมีศีลข้อที่๑๐ ซึ่งแปลให้ถูกตรงตามบัญญัติของพระพุทธองค์ความว่า “มีจิตไม่ยินดีไม่ยินร้ายด้วยในเงินในทอง หรือของมีค่า” ทรงเน้นเรื่องมโนกรรม เพราะจิตเป็นนาย ร่างกายเป็นบ่าว หมายความว่า เป็นอารมณ์ตัดชีวิต คือไม่กลัวตาย ไม่กลัวอด ไม่ติดในลาภ ยศ สรรเสริญ และโลกียสุขในมนุษย์โลกอันไม่เที่ยง จะต้องมีกำลังใจเต็ม (บารมี) จึงจะทำได้ ในสมัยของพระพุทธองค์ จึงมีเณรอายุเพียงแค่ ๗ ขวบ (จึงจะบวชเป็นเณรได้) รักษาศีลแค่ ๑๐ ข้อ มีกำลังใจเต็ม (บารมี) เมื่อรับฟังคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เพียงครั้งเดียว ก็จบกิจเป็นพระอรหันต์กันหลายองค์)
หมายเหตุ กราบโมทนาบุญต้นฉบับจากท่านสายท่าขนุนด้วยนะคะ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย โอรส : 03-02-2010 เมื่อ 23:05
|