ขอให้รู้ว่าการทุจริตนั้นเป็นการสมยอมกัน ฝ่ายหนึ่งยอมจ่ายเพื่ออำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ อีกฝ่ายหนึ่งก็ตั้งใจรับ บางทีก็เรียกร้องเอง จึงหมดไปยากมาก เพราะอะไร ? ก็เพราะว่าในเรื่องของการทุจริตนั้น ถ้าจะแก้ไขเราต้องพัฒนาทั้งในระดับศีล โดยเฉพาะศีลข้ออทินนาทานฯ จัดเป็นของที่ไม่สมควรได้ ในระดับสมาธิ ต้องรู้จักระงับ รัก โลภ โกรธ หลง ในระดับปัญญา ต้องเห็นโทษว่า การที่เราละโมบโลภมาก จะก่อให้เกิดโทษอย่างไร จึงจะไปสัมพันธ์กับการสร้างจิตสำนึกให้ละอายชั่วกลัวบาปที่ฝึกฝนกันมาตั้งแต่เด็ก
เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน โดยมีรัฐบาลเป็นผู้นำ กำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่กันเลย ไม่อย่างนั้นแล้วไม่มีทางสำเร็จ กว่าจะมาถึงพระก็สายเกินไป เพราะว่าอย่างดี ๓ ปีแรกก็อยู่กับพ่อแม่ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็อยู่กับพี่เลี้ยงมากกว่า ๓ ปีถัดมาอยู่โรงเรียนอนุบาล ๑๒ ปีถัดไปอยู่ในระบบการศึกษาที่ตัดเอาคุณธรรมจริยธรรมออกไป ไม่มีหลักสูตรบังคับ
ดังนั้น..ก็แปลว่ากว่าจะมาถึงมือของพระ อย่างน้อยก็อายุ ๑๘ ปีขึ้นไป กลายเป็นไม้แก่ ดัดไม่ไหวแล้ว ยกเว้นบางท่านที่มีปุพเพกตปุญญตา รักษาคุณงามความดีมาตั้งแต่ชาติก่อน ๆ มาถึงชาตินี้ก็เป็นผู้ที่ใฝ่ดี มีมโนธรรมเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็มีน้อยมาก
ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ต้นแบบนั้นสำคัญที่สุด ถ้าแม่แบบไม่ดี สิ่งที่เราหล่อหลอมออกมาก็บิด ๆ เบี้ยว ๆ หาความสวยงามไม่ได้ โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณรของเรา ต้องทำตัวเป็นแม่แบบอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเราเป็นปูชนียบุคคลที่ญาติโยมให้ความเคารพนับถือ แม่แบบทั้งหลายเหล่านี้จะแสดงผ่านกาย ผ่านวาจา ผ่านใจของเรา
ทำอย่างไรที่จะคิดต่อคนอื่นด้วยความเมตตา ที่จะพูดต่อคนอื่นด้วยความเมตตา จะทำต่อคนอื่นด้วยความเมตตา ถ้าสามารถที่จะทำได้ เราก็เป็นผู้ที่เย็นทั้งกาย เย็นทั้งวาจา เย็นทั้งใจ ใคร ๆ ก็อยากจะอยู่ใกล้ คนเห็นก็อยากเลียนแบบและทำตาม
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-09-2021 เมื่อ 22:32
|