ผมถึงได้บอกว่า ดีใจที่ท่านทั้งหลายสละเวลามาเรียนกันครับ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายที่เคยเรียนกับผมจะเห็นว่า ผมค่อนข้างอะลุ่มอล่วยให้กับพระของเรามากครับ ผมบรรยายอยู่ ๒ ชั่วโมง ถ้ามา ๕ นาทีสุดท้าย ผมก็ลงเวลาว่ามา ท่านทั้งหลายส่งงานส่งการบ้านไม่ทัน ส่งเอาวันสุดท้ายก่อนปิดเทอมผมก็รับ เพราะว่าท่านทั้งหลายต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ของตนเองอยู่ เพียงแต่ว่าในเรื่องของภาระหน้าที่นั้น เราลำดับความสำคัญอย่างไร ?
สำหรับผม..ผมลำดับความสำคัญของการเรียนการสอนไว้เป็นอันดับหนึ่ง นิสิตรุ่นก่อน ๆ จะรู้ครับ ไปเมื่อไรก็เห็นอาจารย์เล็กนั่งรออยู่แล้วในห้อง วันไหนที่ตรงกับการเรียนหรือการสอน ผมไม่รับกิจนิมนต์นะครับ แล้วก็มีหลายท่านบอกว่า "พูดอย่างอาจารย์เล็กก็พูดได้สิ ผมไม่ได้รวยแบบท่านนี่" แต่ผมว่าไม่น่าจะเอาตรงนี้มาพิจารณาครับ ขึ้นอยู่กับระดับความสำคัญของเรา ถ้าเราให้ความสำคัญกับการเรียนการสอน เรื่องอื่นจะเป็นทีหลังครับ
สมัยที่ผมเรียนอยู่ เราเริ่มกันตั้งแต่ ๘ โมงครึ่ง เลิกทุ่มครึ่งนะครับ รุ่นที่ผมเรียนยังไม่มีตำราครับ พวกผมเรียนกัน ๑๕๐ หน่วยกิต จบภายในสองปีครึ่ง ก็คือเรียน ๕ เทอมใหญ่ แล้วก็เรียน ๒ ซัมเมอร์ ท่านทั้งหลายลงเรียนเต็มที่เทอมหนึ่งก็ ๘ หน่วยกิต ของผมเองขนาดซัมเมอร์ที่เรียนเดือนเดียว ผมลงกัน ๑๒ หน่วยกิตครับ..! ถ้าเทอมปกติอยู่ที่ ๒๑ - ๒๔ หน่วยกิต ถึงจบได้เร็วขนาดนั้น เพราะว่าตอนนั้นตำรายังไม่มีครับ ผู้เป็นอาจารย์จะไปหาตำราที่เข้ากับวิชาที่ตนเองบรรยาย แล้วก็นำมาให้ลูกศิษย์เลือก เมื่อตกลงกันได้ว่าจะใช้ตำราเล่มไหน เราค่อยไปถ่ายเอกสารมาแจกกัน แล้วก็นำมาใช้ในการเรียน
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น บรรดาเพื่อนฝูงส่วนใหญ่ที่มักจะเป็นเจ้าคณะตำบล ถึงเวลามีกิจนิมนต์บ้าง ต้องบวชพระบวชเณรบ้าง บางทีก็โทรมาบอก "ช่วยลาอาจารย์ให้ผมหน่อย วิชานี้ผมติดงาน ต้องบวชเณร" ก็ช่วยกันลาให้ ท่านทั้งหลายเชื่อไหมครับ ๔ โมงเย็น เพื่อนผมวิ่งมาเข้าห้องเรียนเพื่อที่จะเรียน ๒ วิชาสุดท้าย ถ้าเป็นท่าน ก็คงประเภทลาแล้วลาเลย ทั้งวันก็หมดไปเลย
ที่พวกเรารักเรียนกันขนาดนั้น ไม่ใช่อะไรครับ เพื่อนในห้องครับ ช่วยกันผลัก ช่วยกันดัน เราอยากมีความรู้ต้องขยันครับ โบราณเขาบอกว่า "อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน" ขอให้มาเข้าวิชาท้ายสักวิชาสองวิชาก็ยังดี บางทีก็มาเอาวิชาสุดท้าย ชั่วโมงสุดท้ายเลย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-08-2021 เมื่อ 16:01
|