เนื่องเพราะว่าตัวอยากคือตัวอุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน ในเมื่อกำลังใจฟุ้งซ่าน ก็ย่อมไม่ทรงตัว ไม่สามารถที่จะเป็นสมาธิตามที่ต้องการได้ เมื่อ ๓ ปีผ่านไปแล้วไม่ได้อะไรเลย วันนั้นเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นมาว่า ทำเท่าไรก็ไม่ได้สักที จะได้ไม่ได้ก็ช่างมัน เรามีหน้าที่ภาวนาก็แล้วกัน โป๊ะเดียว..ได้ตอนนั้นเลย..! ก็คือก่อนหน้านี้วางกำลังใจเกินความต้องการ พอลดกำลังใจลงมาว่า ได้ไม่ได้ก็ช่าง ตรงร่องพอดี..!
ในเมื่อพวกเราทั้งหลายเห็นตัวอย่างตรงนี้ ก็น่าจะเข้าใจว่า ถ้าเราทำด้วยความอยาก ก็มีแต่จะเสียเวลาไปวันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า ทำอย่างไรที่เราอยาก แต่เมื่อถึงเวลาภาวนา ต้องทิ้งความอยากนั้นให้ได้ วางกำลังใจว่าเรามีหน้าที่ภาวนาอย่างเดียวเท่านั้น ผลจะเกิดหรือไม่เกิด จะเป็นหรือไม่เป็นก็ช่าง ไม่ไปใส่ใจตรงจุดนั้น
ส่วนอีกหลายท่านที่ภาวนาไปจนกำลังใจทรงตัวแล้ว บางทีก็เกิดความฟุ้งซ่านขึ้นมาเฉย ๆ รัก โลภ โกรธ หลง ตีกลับมารุนแรงมาก ความจริงเรื่องพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาเฉย ๆ แต่เกิดจากที่เราเผลอเราพลาด ไปเปิดโอกาสให้กับกิเลสเอง แต่ถ้าไม่ใช่คนช่างสังเกต ก็จะไม่รู้ว่าเราไปเปิดโอกาสให้กับกิเลสตอนไหน
จะยกตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของอาตมภาพเองก็คือ เมื่อหลายสิบปีก่อนมีโอกาสไปที่วัดวังก์วิเวการามของหลวงพ่ออุตตมะ เพื่อไปกราบทำบุญกับท่าน เมื่อได้ทำบุญเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็เดินหาซื้อของที่ระลึก ปรากฏว่าเจ้าของร้านน่าจะเหนื่อยมาก ก็เลยฟุบหลับอยู่กับโต๊ะในร้าน
พอถามหาราคาสิ่งของ เธอก็เงยหน้าขึ้นมา อาตมภาพรู้สึกใจแกว่งวูบเลย ต้องรีบรั้งกำลังใจตนเองกลับมาพิจารณาว่าเป็นเพราะอะไร เพราะว่าเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเป็นเวลาที่นานมากแล้ว เจ้าของร้านที่เป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ความสวยประเภทที่ตนเองชอบ แต่อาการวูบของใจแบบนี้อันตรายมาก มองไปมองมาอยู่พักหนึ่งถึงได้เข้าใจว่า เหตุที่ใจเป็นเช่นนั้น เพราะเราไปคิดไว้ก่อนว่าเขาเป็นผู้หญิง...แค่นั้นเอง
ในเมื่อคิดไว้ก่อนว่าเป็นผู้หญิง ก็ย่อมมีความคาดหวังว่า รูปร่างจะเป็นอย่างนั้น หน้าตาจะเป็นอย่างนั้น ใช่แบบที่เราชอบหรือไม่ชอบ ดังนั้น...ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมา กำลังใจก็เลยแกว่ง ยังดีที่มีความถนัดและความชำนาญในการระงับตนเอง สามารถรักษากำลังใจเอาไว้ได้..ไม่ฟุ้งซ่านต่อ ไม่อย่างนั้นก็คงจะพังไปอีกนาน..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 04-08-2021 เมื่อ 17:58
|