ข้อเท็จจริงเรื่องเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้า
			 
			 
			
		
		
		
			
			คิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจนำเรื่องนี้มาลงไว้ 
เหตุเพราะน้องเธอส่งต่อมาจากน้องอีกคนใกล้ตัว 
ซึ่งไม่แน่ใจว่าอยากจะเผยแพร่เรื่องราวนี้มากน้อยเพียงใด 
แต่เธอก็มีเจตนาดีที่จะบอกกล่าวให้พวกเราทราบ 
เรื่องการอ้างอิงสำนักพระราชวัง หรือพระบรมวงศานุวงศ์ 
แม้เรื่องจะเก่าแล้ว แต่ยังคงเตือนใจได้ดี 
เธอส่งมาเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๔๙ 
ปรับแต่งคำและไม่ลงนามที่อ้างถึง 
เรื่องนี้จึงขอให้ใช้เป็นข้อมูล กรุณาอย่าคัดลอกข้อความนำไปเผยแพร่ต่อ 
 
ได้ยินหลายคนถามถึงเรื่องเสื้อเหลือง ก็เลยอยากจะทำความเข้าใจกับทุกคน ถึงแม้เป็นส่วนน้อย 
แต่ก็เพื่อไม่ให้เสียชื่อว่ามีเพื่อนทำงานอยู่ในวังนะจ๊ะ  
 
เรื่องเสื้อเหลือง (เสื้อประดับตราสัญลักษณ์การจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี) นี้ 
ไม่มีของแท้หรือของปลอม เพราะในวังไม่ได้เป็นคนผลิตสินค้าอะไรเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวทั้งนั้น 
(ถ้าแม่ค้ารายไหนอ้างว่าเป็นของในวังก็ศอกกลับได้เลย) 
มีแต่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ถ้าทำตามขั้นตอน บริษัทที่ผลิตขายก็จะมีหนังสือมาขออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์ 
แล้วก็จะได้แบบตราสัญลักษณ์ที่ถูกต้องพร้อมกับคำแนะนำว่าให้ทำเฉพาะเสื้อสีเหลือง 
และประดับตราสัญลักษณ์เฉพาะที่อกเสื้อด้านซ้ายเท่านั้น 
ปรากฏว่า ที่มีขายอยู่ในตลาดก็มีหลายยี่ห้อที่ไม่ได้ขออนุญาตเข้ามา ตราสัญลักษณ์ก็เลยผิด ๆ ถูก ๆ 
ประดับตราฯ ที่อกขวาก็เคยเห็นมาแล้ว ซึ่งเสื้อที่ผิด ๆ ก็มีเช่นว่า 
- ตราสัญลักษณ์ปักเป็นดิ้นทอง ซึ่งผิด เพราะตราสัญลักษณ์ที่ถูกต้องจะต้องมีสีตามแบบเท่านั้น 
ถ้าเพื่อน ๆ อยากได้เสื้อเหลืองที่มีตราฯ ถูกต้อง ก็ต้องลองเทียบกับตราฯ ที่พบเห็นได้ทั่วไป 
- ปักคำว่าทรงพระเจริญไว้ที่แขนเสื้อ ซึ่งก็ผิดอีก 
ขอให้จำเอาไว้ว่า 
คำว่า "ทรงพระเจริญ" ที่ถูกต้องแล้วต้องประดับอยู่ด้านล่างพระบรมฉายาลักษณ์ หรือที่ธงเท่านั้น 
จะมา "ทรงพระเจริญ" ตัวเองบนแขนเสื้อไม่ได้ 
ถ้าเห็น "ทรงพระเจริญ" บนอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรก็อย่าไปซื้อมาไว้จะดีกว่า 
- เสื้อที่มีคำว่า "สำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง" หรือ "สำนักพระราชวัง" 
พวกนี้ก็ผิด ทำขึ้นมาเอง บางแห่งอาจจะมีหนังสือขออนุญาตเข้ามาจริง 
แต่การติดชื่อสำนักราชเลขาธิการหรือสำนักพระราชวังไว้ที่ปกคอเสื้อ ถือว่าเป็นการแอบอ้าง ซึ่งผิดกฎหมาย  
- เสื้อตราสัญลักษณ์ สีน้ำเงิน ฟ้า ฯลฯ นั่นก็ผิดหมด เพราะจริง ๆ อนุญาตเฉพาะแค่สีเหลือง 
ซึ่งเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพเท่านั้น 
 
เรื่องเสื้อฟ้า ซึ่งตอนนี้กำลังตีตื้นตลาดเสื้อเหลือง เนื่องจากใกล้จะถึงวันแม่เข้ามาทุกที 
จึงขอทำความเข้าใจว่า 
- ไม่เคยมีการอนุญาตให้มีการทำเสื้อสีฟ้าประดับพระนามาภิไธยจำหน่าย 
ยกเว้นกรณีพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗๒ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๗ 
ซึ่ง...(ขอไม่เอ่ยนาม)... (คนที่ชอบออกรายการของช่อง ๓ บ่อย) ทำออกมาขาย 
อ้างว่านำรายได้ทูลเกล้าฯ ถวาย และอ้างว่าได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าฯ 
และได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว ซึ่งความจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ 
แต่ในปีนั้น ก็ได้มีการทำเสื้อสีฟ้าประดับพระนามาภิไธยย่อ "ส.ก." จำหน่าย 
แถมมีหนังสือถึงส่วนราชการขอความร่วมมือสวมเสื้อสีฟ้าทุกวันศุกร์ 
ทำให้ข้าราชการต่างจังหวัดหลงซื้อและทำตามเป็นการใหญ่ 
รวมทั้งเข็มพระนามาภิไธยย่อ "ส.ก." ซึ่งพสกนิกรอย่างเราก็ไม่บังควรจะนำมากลัดเช่นกัน 
ฉะนั้น อย่าไปหลงซื้อที่เขาวางขายสวย ๆ อยู่ตามข้างถนนเป็นอันขาด 
- ไม่มีตราสัญลักษณ์การจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา ๗๔ พรรษา (๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๙) 
เนื่องจากไม่ใช่โอกาสสำคัญอื่นกว่าวันเฉลิมพระชนมพรรษาเช่นทุกปี 
ฉะนั้น เสื้อที่มีตราสัญลักษณ์ หรือเข็มตราสัญลักษณ์ ดังกล่าว จึงผลิตขึ้นเพื่อหลอกขายประชาชนที่ไม่รู้เท่านั้น 
- ความจริงก็คือ พระนามาภิไธยย่อ "ภ.ป.ร." "ส.ก." หรืออื่น ๆ เป็นของส่วนพระองค์ 
ซึ่งจะประดับอยู่บนฉลองพระองค์หรือสิ่งของส่วนพระองค์เท่านั้น 
ชาวบ้านอย่างเราเอามาประดับบนเสื้อผ้าของตัวเองก็มิเป็นการบังควรอย่างยิ่ง 
ยกเว้นพระนามาภิไธยที่อยู่ในตราสัญลักษณ์ต่าง ๆ เท่านั้นที่เราจะนำมาใช้ได้ 
 
เรื่องเสื้อ ๘๐ ปี ปีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงมีพระชนมายุ ๘๐ พรรษา 
แต่ก็ยังไม่ได้พระราชทานแบบตราสัญลักษณ์ 
ฉะนั้น เสื้อหรือสิ่งของที่มีตราสัญลักษณ์ ๘๐ ปีที่วางขายกันอยู่ตอนนี้ 
จึงเป็นของที่ทำขึ้นเองทั้งนั้น อย่าไปหลงซื้อเด็ดขาด  
 
๓๖ ข้อคิดแผนที่ชีวิตของพ่อ ที่มีคนอ้างว่าเป็นพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
ซึ่งคนที่มีสามัญสำนึกอ่านแล้วจะรู้ว่าไม่ใช่แน่ ๆ ความจริงเขาคัดมาจากหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนึ่ง 
รวบรวมคำสอนของพ่อ ส่งต่อกันไปมา "พ่อ" เลยกลายเป็น "พระเจ้าอยู่หัว" เสียอย่างนั้น 
ตอนนี้ระบาดถึงขั้นพิมพ์เป็นหนังสือ ปรากฏอยู่บนเว็บของหน่วยงานใหญ่ 
โรงเรียนเอาไปขยายบูชาไว้บนบอร์ด มีโปสเตอร์ขายให้ชาวบ้านหลงซื้อไปบูชากันเป็นการใหญ่ 
รวมทั้งเรื่อง "จดหมายถึงลูก"  ซึ่งเห็นส่งต่อเมล์ว่า 
เป็นจดหมายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึงสมเด็จพระเทพฯ 
ซึ่งความจริงเป็นแค่จดหมายธรรมดา ของผู้หญิงที่ใช้นามปากกาว่า "ว.แหวน" 
ส่งไปส่งมา "ว.แหวน" ก็กลายเป็น "สิรินธร" เสียอย่างนั้น 
ซึ่งผู้ใหญ่ในวังยืนยันว่าไม่เคยทรงใช้พระนามแฝงว่า "ว.แหวน" แน่นอน 
อย่างไรก็ช่วยกันยับยั้งการส่งต่อเมล์พวกนี้ด้วย จะได้ป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเข้าใจผิดกันไปมากกว่านี้  
 
.... จึงขอทำความเข้าใจมาให้เพื่อน ๆ ทราบนะจ๊ะ อย่างน้อยจะได้ป้องกันญาติ ๆ และคนรอบตัว 
ไม่ให้เป็นเหยื่อของพวกที่หากินกับเจ้านาย หากินกับศรัทธาของประชาชน ช่วยกัน 
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน 
ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... 
กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน 
อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ 
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑
			 
		
		
		
		
		
	
	 |