ดังนั้น...ถ้าเราไม่ไปทำให้เขาเจ็บ ก็สามารถที่จะนำเขาออกไปจากที่นั้น ๆ ได้ อย่างเช่นเมื่อเช้านี้ อาตมภาพก็แค่คลำ ๆ ให้เขารู้ตัวว่า มีคนอื่นมายุ่งเกี่ยวกับเขาแล้วนะ จากนั้นก็ค่อย ๆ ดึงตัวเขาขึ้นมา อีกมือหนึ่งก็ช้อนทางปลายหาง แล้วก็เอาไปปล่อยที่หัวสะพานบิณฑบาต
ตรงจุดนี้ต้องบอกว่าเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง ก็คือกำลังใจของเราจะต้องประกอบไปด้วยพรหมวิหาร ๔ ที่ทรงตัว และที่สำคัญคือสมาธิต้องมั่นคงชนิดไม่เคลื่อนเลย อารมณ์ของเราจะได้แน่วนิ่ง ไม่คิดร้าย ไม่ทำร้าย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาเองก็จะยินยอมไปกับเราแต่โดยดี
เรื่องพวกนี้อาตมภาพฝึกมาตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส เพียงแต่ว่าพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทั้งหลาย มีความกลัวตายเป็นปกติ ในเมื่อเรากลัว สัตว์สามารถจับอารมณ์นี้ได้ ถ้าหากว่าเป็นภาษาพระก็คือ สัตว์ทั้งหลายสามารถรู้กำลังใจของเรา ถ้าเป็นทางวิทยาศาสตร์บอกว่า สัตว์สามารถรู้ได้จากสารเคมีที่ร่างกายเราหลั่งออกมา
แต่ถ้าหากว่าเรามีอารมณ์ใจที่ทรงตัวมั่นคง ก็สามารถที่จะทดลองได้ เพียงแต่ว่าให้ทดลองกับสัตว์ที่ไม่มีพิษ หรือไม่ดุร้ายก่อน เป็นสัตว์ที่ปราดเปรียวทั่ว ๆ ไป ไม่ค่อยไว้ใจคน ถ้าหากว่าสามารถที่จะให้เขามาอยู่ใกล้ หรือว่าจับต้องเขาได้ โดยที่เขาไม่หลบหนี แล้วเราค่อยขยับไปลองกับสิ่งอื่น ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-07-2021 เมื่อ 01:52
|