บางท่านก็ถามปัญหาอย่างเช่นว่า "วัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าขนุน อย่างไหนที่ให้ลาภผลมากที่สุด ?" ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่น่าจะต้องถาม เพราะว่านอกจากวัตถุชุดที่เข้ากรรมฐาน ๓ วัน ได้รับการสงเคราะห์จากพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ ก็คงจะไม่มีวัตถุมงคลชุดไหนเหนือไปกว่านั้นอีกแล้ว
เพราะว่าพระพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์นั้น พระพุทธเจ้าที่เป็นสุดยอดมหาลาภก็คือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีนามว่าพระพุทธทีปังกร กับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีนามว่า พระพุทธกัสสปอยู่ใน ๒๘ พระองค์นั้น ทั้ง ๒ พระองค์หนักด้วยทานบารมี จึงมีลาภเด่นมากกว่าพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ เป็นต้น คำถามของบางคนก็เหลวไหลไร้สาระ แต่ก็อย่างว่า..เพราะว่าเขายังเห็นว่ามีสาระอยู่เขาจึงถาม อาตมาเองก็ตอบไปปลงอนิจจังไป..!
ส่วนท่านทั้งหลายที่ส่งข้าวของมายังวัดท่าขนุน โดยเฉพาะวัตถุมงคล แล้วระบุว่าให้หลวงพ่อเอาลงกระทู้เพื่อทำบุญ อาตมาอยากให้ทุกคนคิดให้ดีก่อนว่า บุญที่เราได้จะคุ้มกันไหม ? เพราะว่าเท่ากับท่านตั้งใจใช้พระ โทษของการใช้พระก็ไม่มาก ไปเกิดเป็นคนรับใช้หรือเป็นทาสเขาแค่ ๕๐๐ ชาติเท่านั้น..! ถ้าใครคิดจะทำอีกก็คิดให้ดี ว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เราทำหรือไม่ บางทีเราก็อยากได้บุญจนลืมคิดถึงเรื่องอื่น
เรื่องพวกนี้ จะว่าไปแล้วขึ้นอยู่กับความละเอียดของใจ ถ้าหากว่าพวกเราปฏิบัติธรรมไป มีความละเอียดทางใจมากขึ้น ก็จะทราบว่าสิ่งที่เราเคยเห็นว่าไม่เป็นอะไร แต่ความจริงแล้วเป็นโทษหนักมาก..!
เราจะเห็นว่าในการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๑ แม้ว่าพระพุทธเจ้าจะอนุญาตเอาไว้ในมหาปรินิพพานสูตรว่า "ถ้ากาลเวลาล่วงไป สิกขาบทใดที่เป็นสิกขาบทเล็กน้อย ไม่เข้ากับยุคสมัย หากสงฆ์พึงหวัง สามารถสวดถอนสิกขาบทนั้นได้" พูดง่าย ๆ ก็คือศีลข้อไหนถ้าไม่เข้ากับยุคสมัย ให้พระทั้งหลายมีมติให้ยกเลิกได้ แต่ปรากฏว่าพระอรหันต์ทั้ง ๕๐๐ รูปที่มีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน มีมติให้คงไว้ทุกสิกขาบท..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2021 เมื่อ 03:00
|