อันดับแรกเลย ก็เพื่อเป็นการลดทิฐิมานะในตน เพราะว่าต้องไปขอคนอื่นเขาถึงจะได้กิน บางทีเขาไม่มีศรัทธาแล้วไปขอ เขาก็ด่าเอาเสีย ๆ หาย ๆ อย่างเช่นด่าว่า "สมณะโล้น" บ้าง อะไรบ้าง อย่างที่ปรากฏในพระไตรปิฎก ถ้าเราแบกทิฐิมานะอยู่ ไม่ใช่บุคคลที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ ก็ไม่สามารถที่จะทำใจได้ในการเป็นผู้ขอ
การที่เราจะเป็นผู้ขอ ก็ต้องทำตัวให้สมควร ไม่ใช่นั่งรถเบนซ์รุ่นล่าสุด ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด อยู่กุฏิติดแอร์เย็นฉ่ำ ๕๐๐ ตารางวา แล้วไปขอชาวบ้านกิน ถ้าลักษณะอย่างนั้นเชื่อว่าคงไม่มีใครให้..!
การที่เราจะทำตัวให้สมควรกับการเป็นผู้ขอ ก็คือประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนมา
ไม่ว่าจะเป็นอะนูปะวาโท เว้นจากการว่าร้ายผู้อื่น
อะนูปะฆาโต เว้นจากการทำร้ายคนอื่น
ปาฏิโมก เข จะสังวะโร สำรวมในศีลตามพระปาฏิโมกข์
มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง รู้จักประมาณในการกิน
ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง รู้จักหาที่นั่งที่นอนอันสงัด ที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรม
และอะธิจิตเต จะ อาโยโค หมั่นประกอบสมาธิ ให้จิตของเราอย่างน้อยเว้นว่างจากกิเลส ถ้าอย่างมาก สามารถขัดเกลากิเลสจนหมดสิ้นลงไปได้ เพื่อที่จะเป็นการเบียดเบียนญาติโยมให้น้อยที่สุด
เนื่องจากว่าเราเองไม่ได้ทำมาหากินอย่างอื่น ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้แก่ญาติโยม แล้วไปขอเขากิน อย่างที่หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงสอนพวกผมว่า "ภิกษุแม้แปลว่าผู้ขอ แต่ไม่จำเป็นก็อย่าไปขอ ให้ปฏิบัติตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเราเอาไว้ ถ้าญาติโยมไม่สงเคราะห์ เราก็ยอมอดตายไปเลย..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2021 เมื่อ 02:14
|