วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ วันนี้มีเรื่องที่อยากจะพูดอยู่ ๒ เรื่อง เรื่องแรก..พวกท่านทั้งหลายอาจจะไม่เห็นความสำคัญเลย แต่ถ้าต่อไปข้างหน้าจะต้องไปปกครองไปดูแลคน แล้วจะรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญขนาดไหน
ก็คือวันก่อนพี่วิไลวรรณ (จีรภา ภูมิธเนศ) พี่สาวที่ผมคุ้นเคยตั้งแต่ตอนเป็นฆราวาสมาหา เพื่อจะมานิมนต์ผมไปงานที่บ้าน แต่ปรากฏว่าพี่มุกดา (มุกดา เพชรชื่นสกุล) ไปรับงานนี้เอาไว้แทน ฟังดูแล้วไม่น่าจะมีอะไร...แต่มีเยอะมากเลยครับ เพราะประการแรก...นั่นใช่หน้าที่ไหม ? วัดเรามีพระภัตตุเทศก์จัดกิจนิมนต์อยู่แล้ว
ประการที่สอง...คนที่เขาจะนิมนต์ผม เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเข้าช่องทางไหน แล้วดันเสนอหน้าไปรับไว้แทน..! แล้วถ้าหากว่าผมรับกิจนิมนต์ไป เขาก็จะเกิดความรู้สึกว่า ถ้าเข้าทางนี้จะสะดวก ต่อไปก็จะมีคนเข้าทางด้านพี่มุกดา จะมีคนเข้าทางด้านเจ๊นี้ (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) เพื่อที่จะมาให้ถึงตัวผม ก็จะเป็นการสร้างมาเฟียขึ้นมาในวัด..!
เรื่องนี้พวกคุณอาจจะไม่เห็นความสำคัญ จริง ๆ แล้วสำคัญมาก เพราะว่าหลายวัดที่บรรลัยจนกระทั่งเจริญไม่ขึ้น ก็เพราะว่ามีญาติพี่น้องของตัวเองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเจ้าอาวาส มายุ่งเกี่ยวกับงานปกครองคณะสงฆ์ ท่านที่อยู่เก่า ๆ จะเห็นว่าผมด่าแม่ชีชื่น (แม่ชีชื่น ศรีสองแคว) ไปหลายรอบ ไอ้ตอนที่มีเรื่องแล้วไม่จัดการ โดยที่ยกข้ออ้างว่า "คนโน้นก็เด็กหลวงพ่อ คนนี้ก็เด็กหลวงพ่อ" ทั้ง ๆ ที่ระเบียบวัดของเราระบุไว้ชัดเจนว่า "ผู้ใดมาอ้างว่าเป็นเพื่อนพ้องพี่น้องของพระภิกษุสามเณรในวัดแล้วมาทำผิด ให้ขับออกจากวัด แล้วห้ามเข้าวัดอีกตลอดชีวิต"
พวกคุณจำไว้ให้แม่นเลยนะครับว่า เรื่องแบบนี้ถ้าปล่อยให้มีครั้งหนึ่งก็จะมีไปเรื่อย แล้วจะทำให้เกิดอิทธิพลขึ้นในวัด แล้วพอหยั่งรากลึกก็จะถอนยาก เพราะคนนิสัยตรงไปตรงมาอย่างผมนั้นไม่มี ผมเองแต่ไหนแต่ไรมา ถ้าญาติพี่น้องของตัวเองทำผิด ผมจะเล่นหนักกว่าคนอื่นเขา..! เพราะถ้าเอาญาติพี่น้องตัวเองอยู่ คนอื่นจะไม่มีใครกล้า
เพราะฉะนั้น..ขอให้ทุกคนจำเอาไว้เลยว่า อย่าให้มีเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาอีก มีเมื่อไรผมขับออกจากวัดทันที อะไรที่ไม่ใช่หน้าที่ อย่าไปยุ่ง คนที่ทำหน้าที่เขามีอยู่แล้ว ถึงเวลาถ้าหากว่ามีคนมาถามเรื่องอะไร ก็ชี้ไปว่าใครเป็นคนรับงานนี้ อย่าทำตัวเป็นหนุมานอาสาเพื่อต้องการได้หน้า..!
เรื่องของการอยู่วัดเพื่อปฏิบัติธรรม เราต้องยิ่งทำยิ่งละเอียด ผมย้ำกี่ครั้งแล้ว ? ถ้าเรื่องแค่นี้ยังมองไม่เห็นโทษ แสดงว่ากำลังใจหยาบมาก ยิ่งปฏิบัติไป ยิ่งต้องละตัวตนของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ใช่ต้องการเด่น ต้องการดัง ต้องการให้คนรู้จัก ต้องให้เขาให้ความสำคัญ ไอ้นั่นระยำทั้งนั้น..!
ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ต้องจำเอาไว้เป็นบทเรียนเลยว่า ต่อไปถ้าเราจำเป็นต้องปกครองหรือดูแลใคร ไม่ใช่มีแต่พระคุณหรือความเกรงใจเท่านั้น พระเดชก็ต้องมีด้วย อย่างวันนี้ผมบอกไปเลย ว่าผมไม่รับกิจนิมนต์นี้ จะเกิดปัญหาขึ้นอย่างไร ให้ไปแก้ไขกันเอง..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-06-2021 เมื่อ 00:35
|