ถ้าเคยอ่านลายมือที่หลวงปู่เจ้าคุณนรรัตนราชมานิต ธมฺมวิตกฺโก วัดเทพศิรินทราวาส เขียนเอาไว้ จะเห็นท่านเขียนเป็นโคลงว่า
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....................ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง......................ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง......จงหนัก..เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.................หกซ้ำ..อภัยไฉน
ท่านให้เราผิดได้แค่ ๓ ครั้ง ธรรมเนียมพระของเราตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาจนปัจจุบัน ก็ไม่เกินตติยัมปิ ๓ วาระ เพราะฉะนั้น..ใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ สามเณร ฆราวาส อยู่ประจำในวัดก็ดี อยู่บ้านก็ดี อยู่ต่างประเทศก็ดี ถ้าเรื่องเดียวกันผิดเกิน ๓ ครั้ง โอกาสได้ดีในการปฏิบัติก็น้อยแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำอย่างไรเราถึงจะไม่ผิดพลาดอีก ก็ต้องประกอบไปด้วย สติ สมาธิ ปัญญา ที่สมบูรณ์
คราวนี้คำตอบทั้งหมดก็อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกกล่าวไป ก็อยู่ที่สมาธิ สมาธิทรงตัว สติก็แหลมคม ปัญญาก็ว่องไว คำตอบเกือบทั้งหมดในการปฏิบัติธรรมอยู่ที่สมาธิเท่านั้น กำลังสมาธิมากพอ ก็หักห้ามใจตนเองไม่ให้ไปละเมิดสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ได้ กำลังสมาธิมากพอ ก็พยายามที่จะระมัดระวังรักษาใจของเราได้
หลายท่านที่ปฏิบัติอยู่ ยังอยู่ในระดับแค่ทาน แค่ศีล ยังเอาตัวรอดได้ยาก ต้องพยายามเน้นเรื่องสมาธิให้มากขึ้น อย่าไปฟังบรรดาอาจารย์เฮงซวยที่บอกว่า "สมาธิมากเกินไปทำให้ขี้เกียจ..!" เพราะว่าสมาธิไม่ว่าจะเป็นแบบใช้งานหรือไม่ใช้งานก็ตาม ถ้าทรงตัวได้ รัก โลภ โกรธ หลง จะโดนกดดับลงชั่วคราว สภาพจิตจะผ่องใสขึ้นมา ถ้ารู้จักใช้ปัญญาพินิจพิจารณา เราจะรู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปเพื่อความก้าวหน้าของตน
ใช้เวลามาพอสมควร ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณร และขอเจริญพรให้แก่ญาติโยมไว้แต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2021 เมื่อ 02:07
|