ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะเห็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ๕,๐๐๐ ปีของเราว่า
พันปีแรก จะมากไปด้วยพระที่ทรงปฏิสัมภิทาญาณ
พันปีที่สอง มากด้วยพระที่ทรงอภิญญา ๖
พันปีที่สาม ช่วงที่เราอยู่ มากด้วยพระที่ทรงวิชชา ๓
พันปีที่สี่ จะมากด้วยพระสุกขวิปัสสโก
พันปีที่ห้า จะมากด้วยพระอนาคามี
เราจะเห็นถึงความถดถอย เพราะว่าสัญญาและปัญญาของคนเราทรามลงจากการที่ตั้งข้อสงสัยกับทุกสิ่งทุกอย่าง เนื่องจากว่าในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าเราสงสัยเมื่อไรเท่ากับเราสร้างอุปสรรคมาขวางตนเอง
เราจะเห็นว่าโบราณาจารย์ บางทีบัญญัติพระคาถาบางบทขึ้นมา ฟังไม่ได้ศัพท์เลย บางทีก็เป็นถ้อยคำที่หยาบ ๆ คาย ๆ ค่อนไปทางลามกเสียด้วยซ้ำไป แต่ลูกศิษย์นำไปปฏิบัติแล้วได้ผลที่ชัดเจนมาก พอมาถึงสมัยนี้แล้ว หาคนที่ปฏิบัติแล้วประสบความสำเร็จอย่างนั้นได้น้อย ก็เพราะว่าคนรุ่นหลังส่วนใหญ่แล้วไปตั้งข้อสงสัย ขาดศรัทธาอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะศาสนาพุทธของเรา ถ้าขาดตถาคตโพธิสัทธา คือความศรัทธาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มั่นใจว่าพระองค์ท่านรู้จริงรู้รอบในทุกเรื่อง เราก็จะลังเลสงสัย ในเมื่อลังเลสงสัย โอกาสที่ปฏิบัติแล้วได้มรรคได้ผลก็น้อย บุคคลสมัยนี้จึงไม่สามารถที่จะใช้พระคาถาให้เกิดผลอย่างแท้จริง ไม่สามารถที่จะใช้วัตถุมงคลให้เกิดผลอย่างแท้จริง เพราะว่าสงสัย แล้วทำให้ขาดศรัทธา ศาสนาทุกศาสนาต้องเริ่มต้นด้วยศรัทธาทั้งนั้น ถ้าไม่ศรัทธาคนก็จะไม่เข้าหาศาสนานั้น ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2021 เมื่อ 02:32
|