คราวนี้โดยหลักเลยก็คือ พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้มาก แล้วเราจะเลือกปฏิบัติอย่างไร ? อย่าลืมว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรุปคำสอนไว้เป็นไตรสิกขา คือสิ่งที่เราต้องศึกษา ๓ อย่าง ได้แก่
สีลสิกขา การศึกษาและปฏิบัติในศีลของตน
จิตตสิกขา การพยายามรักษากำลังใจให้ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวไปใน รัก โลภ โกรธ หลง
ปัญญาสิกขา การใช้ปัญญามองให้เห็นความเป็นจริงในโลกนี้ว่า มีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง และสลายไปในที่สุด
ฉะนั้น..ในส่วนของสีลสิกขาก็คือ เราพยายามรักษาศีลตามเพศภาวะของตน บุคคลทั่วไปรักษาศีล ๕ อุบาสกอุบาสิการักษาศีล ๘ สามเณรรักษาศีล ๑๐ พระภิกษุสงฆ์รักษาศีล ๒๒๗ พยายามไม่ทำให้ศีลขาดด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นทำศีลขาด และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นทำศีลขาด
ข้อต่อไปก็คือเจริญสมาธิภาวนา โดยมีลมหายใจเข้าออกเป็นบาทฐาน การปฏิบัติธรรมถ้าไม่มีลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก ไม่ว่าจะหมวดใดข้อใดก็ไม่สามารถเข้าถึงอย่างแท้จริงได้ พยายามภาวนาทรงฌานให้ได้อย่างน้อยเป็นปฐมฌานละเอียด เพื่อที่จะได้มีกำลังเพียงพอในการตัดกิเลสเบื้องต้น
ถ้าสามารถทรงฌานได้แล้ว ก็ยังต้องซักซ้อมให้เกิดความคล่องตัว ก็คือต้องการจะเข้าฌานเมื่อไร ต้องการจะออกฌานเมื่อไร ต้องทำได้ทันที ต้องหัดเข้าฌานสลับฌาน ต้องหัดเข้าฌานตั้งเวลา ถ้าสามารถทำได้คล่องตัวแบบนี้ กิเลสก็จะกินเราได้น้อย เพราะว่าทันทีที่รู้ตัว เราก็วิ่งเข้าไปหาฌานสมาบัติ รัก โลภ โกรธ หลง ก็เกิดขึ้นไม่ได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-06-2021 เมื่อ 03:32
|