ถาม : หนูแยกวิธีปฏิบัติได้สามแบบค่ะ แบบแรกคือ หนูนั่งสมาธิไม่ได้ จะอึดอัด กระสับกระส่าย ใจร้อนรน ถ้าไหว้พระสวดมนต์ หนูจะสวดพระคาถาเงินล้าน แต่ต้องสวดเร็ว ๆ ถึงจะจับลมหายใจได้ไม่สะดุด
แบบที่สองคือ ในระหว่างวันที่ใช้ชีวิตปกติทั่วไป ทำงานบ้าน เดินไปตลาด หนูจะเผลอภาวนาในใจว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ บางทีก็แล้วแต่จิตจะเปลี่ยนคำภาวนาเอง ช่วงนี้อยู่ ๆ หนูก็สวดบท "ปะโตเมตัง ปะระชีวะนัง สุคะโตจุตติ จิตตะ เมตะ นิพพานัง สุคะโต จุตติ" เหมือนเวลาไม่มีสติจะหลุดภาวนาไปเอง บางครั้งถึงกับพูดออกเสียงมาเลย จนคนข้าง ๆ ก็มองค่ะ
แบบที่สามคือ นอนภาวนาหนูจะจับลมหายใจช้า ๆ หายใจเข้าภาวนาว่า พุท หายใจออกภาวนาว่า โธ หนูเคยพยายามเปลี่ยนมาภาวนาคาถาเงินล้าน และ นะ มะ พะ ธะ แต่อึดอัดทำลมหายใจสะดุดหมดเลยค่ะ
ทั้งสามแบบหนูทำโดยไม่ฝืน ใจเบาสบาย หนูควรจะปล่อยให้ร่างกายเป็นไปตามจิตใจและความรู้สึกพาไปแบบนี้ คือไม่มีแบบแผน หรือหนูควรบังคับใจสวดมนต์ นั่งสมาธิจับลมหายใจ เดินจงกรม ตามกำหนดเวลาแบบที่ครูบาอาจารย์ปฏิบัติกันคะ ?
ตอบ : การปฏิบัติธรรมต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าทำเพื่ออะไร ไม่ใช่ปล่อยเป็นปลาตายลอยน้ำแบบนี้ เรื่องของจิตถ้าไม่บังคับก็เหมือนลิง กระโดดไปทางนั้นทางนี้ไม่มีหยุด แค่จะภาวนาแบบหนึ่งให้ได้ผลไปเลยก็ทำไม่ได้แล้ว ต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วผ่อนสั้นผ่อนยาว จนกว่าจะบังคับได้อย่างที่เราต้องการ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|