พระอาจารย์เล่าว่า "ระยะนี้อาตมาเดินทางกลางคืนหลายวัน เพราะว่าไปงานศพพี่ชาย แล้วทางวัดเจริญราษฎร์บำรุง (หนองพงนก) เขาสวดพระอภิธรรมกันตอน ๒ ทุ่ม ไม่ได้นึกว่าอาตมาอยู่ถึงทองผาภูมิ ซึ่งความจริงในฐานะเจ้าภาพ ถ้าเราไปคนเดียว พร้อมเมื่อไร ขอให้พระเขาสวดได้เลย แต่คราวนี้ดันมีผู้มีจิตศรัทธามาเป็นเจ้าภาพต่ออีก ๒ ราย ๓ ราย ก็เลยต้องสวดตามเวลา ซึ่งเวลานี้เป็นเวลาที่ตั้งแต่อาตมารู้ความ เขาก็สวดกันเวลานี้ เพราะว่าวัดอยู่ข้างบ้านเกิดของอาตมาเอง
เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า สมัยก่อนเขาทำไร่ทำนากัน กว่าจะเลิกงานก็โน่น...พระตีระฆังย่ำค่ำ ก็คือพระเตรียมทำวัตรค่ำแล้ว เมื่อกลับบ้านมาก็อาบน้ำอาบท่ากินข้าวกินปลา เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วถึงได้มีเวลาไปวัดกัน จึงต้องนัดเวลา ๒ ทุ่ม ปรากฏว่าทางวัดไม่เปลี่ยนเวลา ปัจจุบันนี้สภาพเศรษฐกิจและความเป็นอยู่เปลี่ยนไป แต่ทางวัดก็ยังคงสวดพระอภิธรรมกันตอนเวลา ๒ ทุ่ม
คราวนี้มีปัญหาที่ว่า เวลาอาตมาเดินทาง มักจะมีนักเลงเจ้าถิ่นคอยที่จะกลั่นแกลัง ท้ายสุดก็อยากจะลองของบ้าง โชคดีที่พกมีดลูกพราหมณ์จันทร์เพ็ญไปด้วย ก็เลยขู่พวกนั้นว่า "ถ้ายุ่งมากจะชักมีด...!" เผ่นกันแน่บไปเลย..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2021 เมื่อ 02:28
|