ด่านบ้านชองโส่ง (สบห้วย) มีน้ำตกข้างทางด้วย ต้องจ่ายค่าผ่านทางต่างหาก คันละ ๑๕๐ บาท ถนนเละเป็นโลกพระจันทร์แบบนี้ ยังมีหน้ามาเก็บค่าผ่านทางอีกแน่ะ บางตอนลงไปวิ่งในห้วยยาวเป็นกิโลก็มี ทูนขิ่นทำถูกแล้วที่เอารถเก่ามาวิ่ง ขืนเอาของใหม่มาก็คงเก่าลงในการวิ่งเที่ยวแรกเท่านั้น และคงจะวิ่งไปร้องไห้ไปด้วยความสงสารรถแบบน้องอุ๋ย (ปภาดา สุวรรณธรรมา) ตอนที่วิ่งไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นแน่ ๆ...

สภาพเส้นทางมีหลายช่วงที่รถต้องกลายเป็นเรือ
รถของเราออกเป็นคันแรก จึงไม่มีใครแซงไปซักคัน นอกจากนาน ๆ มีรถเก่า ๆ ทั้งสี่ล้อ หกล้อ สวนมาซะที ที่เห็นมากคือโรลสรอยซ์รุ่นสองแรงวัว มากันทีสามเล่ม ห้าเล่ม อย่างน้อยก็สองเล่ม มีอยู่ครั้งเดียว ที่เจอมาเล่มเดียวเดี่ยวโดด ซ้ำยังเป็นตอนผ่าน บ้านร้างอาปะลงซะด้วย นับว่านายแน่มาก..!
รถกระแทกไปจนฝุ่นตลบ คนบนรถอาบฝุ่นเหลือแต่ตาขาวล่อกแล่ก ระวังอุบัติเหตุ..! อาตมาพูดตามที่หลวงปู่บอก ท่านนาวินยังไม่ทันถามอะไร โกนีก็เบรกจนตัวโก่ง ฝุ่นที่ตามท้ายรถมาตลบท่วมทั้งคัน ไอค็อกไอแค็กไปตาม ๆ กัน..! ข้างหน้านั่นเอง..สะพานไม้มันเอียงกระเท่เร่อยู่ ถ้ามาด้วยความเร็วเท่าเดิมคงได้เผากันบ้าง..!

รถติดทั้งขุดทั้งเข็นกว่าจะไปได้
ทูนขิ่นลงไปกระทืบไม้ให้ตรง แล้วช่วยเล็งล้อให้โกนีค่อย ๆ พาไอ้เฒ่าคลานผ่านไปแบบใจหายใจคว่ำ จากนั้นนั่งหัวสั่นหัวคลอนกันต่อไป กินฝุ่นจนไม่มีอารมณ์จะกินข้าวกินปลากันอีกแล้ว กว่าจะถึงบ้านตองซุน (สุดเขา) ก็ถูกด่านตรวจอีกหลายรอบ เห็นชาวบ้านที่ถูกอพยพมาจากบ้านอาปะลง กำลังสร้างบ้านแปลงเมืองเป็นการใหญ่...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2010 เมื่อ 11:58
|