วันที่เจ็ด
บัตรประจำตัวหาย(หายตอนนวด) แต่ไม่ต้องห่วงไม่ต้องใช้กับทหาร เพราะเราน่ารัก ทหารจำได้หมดแล้ว
บิณฑบาตตอนเช้า ชูเงินให้หลวงพี่เทพดูหนึ่งบาท ท่ามกลางความตกใจของพระนวกะ ถามกันใหญ่ว่า เอามาจากที่ไหน บอกว่ามันหลงในย่าม ถวายให้ท่านเทพรับเคราะห์ต่อไป ๕๕๕+
หลวงพี่เทพถามว่า...แล้วมดละ(มดในป่าธุดงค์กัดเจ็บกว่ามดปกติมาก)
เราตอบว่า...ปูนขาว (รอดไป)
เสียงเพลงไม่เคยพลาดโอกาสเลย มาตลอด
เจอเพื่อน คนไข้คนที่เคยช่วยเหลือ ยิ้มให้ตลอดเหมือนนัดกันไว้
พยายามยกย่ามให้ไปที่ใกล้ ๆ มือโยมที่สุด จะได้ให้โยมหยอดได้สะดวก แต่ยื่นย่ามไปแต่ละทีเหมือนหลังจะแตก
ระบมจากการนวดมาก(แต่มีหวังหายแน่นอน ๑๐๐% )
มีโยมเมตตาถวายแผ่นทองเหลืองให้หล่อพระด้วย.....ดีใจจัง
พอเดินกลับกับหลวงพี่เทพ
หลวงพี่เทพพูดสั้น ๆ ว่า
"หลวงพี่สมปองตอนบิณฑบาตไม่เคยหลุดยิ้มมา ไม่มีซักนิด"
วันนี้หล่อพระเลยอารมณ์ดีมาก
พอสาย ๆ หน่อย คนจัดกระดูก+นวดมาตรวจอาการ แล้วลงความเห็นว่า ต้องนวดใหม่ตั้งแต่ต้น
เราเห็นด้วย แต่ตำแหน่งนั้นเราไม่อาจจะตรวจด้วยตัวเองได้เลย มั่นใจแค่ ๖๐% ว่ายังไม่หาย
จัดกระดูก+นวดใหม่ตั้งแต่ต้น เพิ่มแรงอีกประมาณ ๔๐% แต่ที่ช้ำในยังอยู่นะ
ฮ่า ๆ ๆ ระบมหนักกว่าเก่าเพียบ กดไปแต่ละครั้งเหมือนค้อนทุบ
ต้องหาที่พิงตลอด เดินขากางตลอด นั่งสมาธิไม่ได้ ต้องนั่งพับเพียบ
ตอนเที่ยงฝึกมโนฯ เต็มกำลัง หลับสนิท คราวนี้หลับลึกมาก
แปลกมาก พอตื่นพละกำลังกลับมาเหมือนอายุแค่ ๒๐ จิตมีความกล้าแข็งอย่างมาก
แต่ยังปวดหลังเหมือนเดิม ^^สร้างความเวทนากับพระนวกะดีนักแล ตอนหลัง ๆ ไม่อาจจะนั่งยอง ๆ ปัสสาวะได้ เพราะนั่งแล้วลุกไม่ไหว เหมือนมีดเสียบจากเหนือก้นกบไปหากลางหลัง ต้องนั่งโถเท่านั้น
ไปปลงอาบัติกับเพื่อนพระเรื่องนั่งปัสสาวะไม่ได้ มีแต่พระนวกะด้วยกันสงสาร เย็น ๆ มีโยมเก็บบัตรประจำตัวได้ ดีจังไม่ต้องไปทำใหม่แล้ว
ตอนไปหล่อพระ โยมนิมนต์พระ-เณร เข้าปราสาททองคำ
เพื่อนพระนวกะอยากไปอยู่ใกล้ ๆ เบ้าหลอม เลยชี้ว่า คุณจะรอดอาบัติไปได้ไหมนี่ โยมหนาแน่นขนาดนี้
มีโยมถวายเงินพอดี...กำลังต้องการ เลยหยอดตู้ปิดทองวิหารทองคำพอดี
ใจสบายมาก เพราะทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์เท่าที่จะทำได้แล้ว คิดถึงหลวงพี่เล็กว่า น่าจะมาเขกกบาลซักที จะสึกแล้วนะ (ปัจจุบันไปให้หลวงพี่เล็กเขกกบาลมาแล้ว) หันหน้าไปด้านซ้ายตกใจ!!!!
หลวงพี่วิรัช........มาจากไหน
หลวงน้าหมอมาเรียบ ๆ สงบ
แต่เจอพระครูปลัดฯ นิมนต์ไปด้านหน้าเรียบ
ตอนกลับเณรอาสาพยุงเอาบุญ(เหมือนหลวงตาแก่ ๆ เลย)
จุดธูปบอกว่า ให้หลวงปู่หาพระมารับสังฆทานให้หน่อย เพื่อเป็นเจ้าของสิ่งของส่วนตัวของข้าพเจ้า แต่ให้เจอง่าย ๆ โดยผมไม่ต้องเดินตามหา
เรื่องนอนเอนตัวลงไม่ได้ ต้องทิ้งตัวลงแบบไม่มีแรงพยุงเลย
วันที่แปด
เพลงมาตามเคยไม่พลาด ท่ามกลางหลังที่ปวดระบม น้ำตาแทบร่วง
กะจะไม่ยิ้ม แต่ว่าเจอเพื่อนสมัยมัธยมกุลีกุจอ ควักเงินแบบสับสน
เราจะรักษาระเบียบหรือรักษากำลังใจของโยมดี????
คราวนี้ไม่ยิ้มธรรมดา....เอียงคอเอาหน้าให้มันเห็นชัด ๆ
โยมเพื่อนตกใจ พอเห็นป้ายชื่อและรอยยิ้มปัญญาอ่อนของเรา เลยมั่นใจว่า ใช่ ไอ้วรนัสเพื่อนเก่าเราแน่ ๆ
โยมเพื่อนยิ้มแบบน้ำตาคลอเบ้า
พอใกล้ ๆ จะถึงศาลา ๑๒ ไร่แล้วเจอหลวงน้าหมอ เดินตัดหน้าระยะไม่ถึงสิบเมตร เลยบอกว่า "หลวงน้าหมอครับ นิมนต์"
ถวายผ้าพันคอกับหมวกไหมพรม เรียนท่านว่าถวายสังฆทานครับ
มีพระนวกะบางองค์เข้าใจผิดว่า พระที่นวดทำเราอาการหนัก
เลยตอบว่า อาการของผมแต่เดิมนั้น ปล่อยทิ้งไว้จะเป็นอัมพฤกษ์
เหมือนคนที่จะโดนโทษประหาร แล้วมีคนมาพูดให้เหลือโทษแค่โบย ๓๐๐ ที คุณจะเตะคนบอกหรือขอบคุณเขาดีละ
พอจะเข้าป่าเพื่อผลาญพลังงาน แต่ความจริงรู้สึกอยากเข้าป่าแบบไม่มีสาเหตุ
พอไปถึงป่าได้สักพัก
เจอหลวงพี่วิรัชเดินมา เลยเดินตามท่า่นไปในระยะประชิด
พอหลวงพี่วิรัชเห็นท่านถาม"มาอย่างไร(มายังไง)"
สะกดรอยตามหลวงพี่มาครับ ท่านบอก "เก่ง ๆ "
เลยเอาไฟฉายถวายท่านบอกว่าสังฆทานครับ
ท่านบอก"งั้นก็ใช้คนเดียวไม่ได้นะสิ" ยิ้มเหมือนหลวงพี่เล็กมาก
แล้วท่านถามต่อว่าแล้วหลวงน้องจะใช้อะไรละ (เพราะไฟฉายสำคัญที่สุดในป่าธุดงค์ตอนมืด)
ซึ้งครับ......ไม่เป็นไรครับ ไฟฉายของวัด ริบหรี่หน่อย ผมทนใช้ได้ครับ
ตอนค่ำนิมนต์หลวงพี่เก้ามารับถุงนอน เข้ากองกลางสงฆ์ของหลวงพี่เล็ก
พอถวายแล้วเลยเรียนท่านเก้าว่า ยืมนอนวันหนึ่ง แล้วจะซักส่งคืนสงฆ์ (ตั้งใจเอาอานิสงส์ในขณะเป็นพระ)
วันที่เก้า
ตอนเช้าได้เอานาฬิกาปลุกไปถวายเป็นสังฆทานตุ๊พ่อมหาสิงห์ วัดถ้ำป่าไผ่ เอาน้ำของแนนไปมอบแก่สงฆ์
ชนะเพลงได้แล้วสะใจ ดีใจที่วันนี้ได้โปรดโยมจริง ๆ จนผู้อื่นมีความเข้าใจผิดว่าเต้ยดีใจที่ได้สึก
ฉันเช้าคิดว่าอาหารที่เราไม่ฉันนี้ ขอบูชาซึ่งพระพุทธเจ้าทั้งหมด
พอเอาดอกไม้จะไปไหว้ที่สำคัญ ๆ ของวัดท่าซุงหันไปทางซ้าย
สะดุ้ง!!!!!........
หลวงพี่วิรัชมาจากทางไหน
ผวาแกมดีใจ เหมือนท่านมาส่งเราจากความเป็นพระ ไม่มีใครสนใจท่านเลย จนกระทั่งเดินเกือบ ๆ จบงานแล้ว
พอสึกแล้วอย่าคิดว่าเรื่องจบแค่นี้