พระอาจารย์กล่าวว่า “ด้วยความที่มีชีวิตมายากลำบาก ในชีวิตเคยอดตอนเด็ก ๆ จะเรียกว่าอดทีเดียวก็ไม่ใช่ ต้องเรียกว่าถ้าเลือกกินก็จะอด ก็คือตอนเด็ก ๆ เกิดทุพภิกขภัย ข้าวยากหมากแพงอยู่สองรอบ ช่วงก่อน พ.ศ. ๒๕๑๐ ใครยังไม่เกิดฟังไว้เฉย ๆ ทำให้ข้าวปลาอาหารหายาก ตอนแรกก็ลดจำนวนข้าวลง เพิ่มบรรดาหัวเผือกหัวมันลงไปในหม้อข้าวด้วย เพื่อให้ได้มีอาหารมากขึ้น ก็ต้องกินข้าวผสมเผือกผสมมันไป
คราวนี้พอมากขึ้น ๆ จากข้าวขาวก็ไม่มี ก็เหลือแต่ข้าวกล้อง แล้วข้าวกล้องต่างจังหวัดสมัยก่อนก็มักจะตำ ไม่ได้สีด้วยเครื่อง ก็จะติดเปลือกที่เป็นแกลบบ้างอะไรบ้าง...กลืนยากมาก พอข้าวกล้องก็ไม่มี ก็ต้องกินข้าวโพดที่เก็บไว้ทำพันธุ์ สมัยก่อนเขาเรียกว่าข้าวโพดม้า เก็บไว้เลี้ยงม้าอย่างเดียว เม็ดแข็งเป็นหิน ค้อนทุบเกือบไม่แตก ตากแห้งเพื่อรอเอาไปปลูกอีกปีหนึ่งตอนฤดูฝน ขนาดเอามานึ่งจนสุกแล้วยังรู้สึกเหมือนกับเคี้ยวก้อนหิน..! แต่ก็ยังดีว่าไม่ถึงขนาดกินขุยไผ่เหมือนกับรุ่นพ่อรุ่นแม่”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2020 เมื่อ 02:46
|