พระอาจารย์ประกาศว่า “เรื่องการหล่อพระปัจเจกพระพุทธเจ้า จากการที่ช่างหล่อลงทุนหลอมเอาขี้ผึ้งที่ปั้นต้นแบบออกมาชั่งน้ำหนัก คำนวณออกมาเป็นเม็ดเงิน ๕๕๕ กิโลกรัม แปลว่าลดจำนวนเม็ดเงินที่ต้องใช้ลงไปเกือบครึ่งหนึ่ง จากที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะต้องใช้ทั้งหมดหนึ่งตัน แต่เพื่อความปลอดภัยที่สุด ช่างบอกว่าให้เตรียมเม็ดเงินเอาไว้ ๖๐๐ กิโลกรัม
เราไม่ต้องซื้อเม็ดเงินเพิ่ม เพราะว่าจากการที่ให้ญาติโยมแลกเม็ดเงินกับพระกริ่งสะท้านไตรภพทั้งเนื้อเงินและเนื้อทองแดง ตอนนี้ทางวัดมีเม็ดเงินอยู่ประมาณ ๘๕๐ กิโลกรัม คราวนี้ถ้าเราใช้ ๖๐๐ กิโลกรัม ก็ยังเหลืออีก ๒๕๐ กิโลกรัมสำหรับหล่อพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรทรงเครื่อง ซึ่งถ้าหากว่าขาดเหลือเท่าไร ตอนนั้นค่อยไปซื้อหาเพิ่มเติมทีหลังได้ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วราคาเม็ดเงินน่าจะตกลงมาบ้าง
เราจะหล่อพระปัจเจกพระพุทธเจ้าที่เป็นพระรวย ญาติโยมก็เลยซื้อเม็ดเงินกันแพงมาก..! กิโลกรัมละ ๒๘,๐๐๐ - ๒๙,๐๐๐ กว่าบาท โดยเฉลี่ยรวมกันแล้วประมาณกิโลกรัมละ ๒๙,๐๐๐ บาท นับว่าเป็นรายจ่ายที่มหาศาลทีเดียว ถ้าไม่ได้ญาติโยมทั้งหลายช่วยกันนำเม็ดเงินมาแลกกับพระกริ่งสะท้านไตรภพ ทางวัดท่าขนุนก็คงจะต้องขนเอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีไปซื้อเม็ดเงินเอง
ตอนนี้กำลังรอดูระยะเวลาที่เหมาะสม ถ้าหากว่าช่างปั้นแบบพระปางห้ามสมุทรทรงเครื่องเนื้อเงินเสร็จ เราก็จะสามารถกำหนดได้ว่าจะหล่อพระองค์ท่านในช่วงไหน ซึ่งเป็นปีหน้าแน่นอน”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2020 เมื่อ 16:16
|