“ในส่วนของอาตมานั้นจะมองในภาพรวมเป็นใหญ่ ไม่ได้มองภาพเฉพาะตน ไม่ได้มองว่างานตักบาตรเทโวและกฐินของวัดท่าขนุนมีคนไปมาก คนช่วยกันทำบุญมาก แต่กลับมองเลยไปว่า ที่ญาติโยมทำบุญ ก็เพราะหวังหลุดพ้นจากสภาพที่ยากลำบากของเศรษฐกิจและการดำรงชีวิต ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยกำลังบุญในการช่วยเหลือ แต่โยมกลับไปเอาบุญที่ได้ผลน้อยที่สุด ก็คือทำทานเป็นหลัก บุญที่ได้ผลมากกว่าคือการรักษาศีล และบุญที่ได้ผลมากที่สุดคือการเจริญสมาธิภาวนา โยมกลับไม่เน้นเลย อาตมาจึงมองเห็นว่า นี่เป็นทางเสื่อมของพระพุทธศาสนาและเป็นทางเสื่อมที่คนส่วนมากคิดกันไม่ถึง
จะไปคิดว่าการไปไหว้ไอ้ไข่คือทางเสื่อมของพระพุทธศาสนา..นั่นไม่ใช่ เพราะว่านั่นก็คือความมักง่ายอย่างหนึ่งเช่นกัน ทำเองแล้วลำบาก เพราะฉะนั้น..ไปขอจากไอ้ไข่ดีกว่า ลักษณะของญาติโยมในงานก็คือ ทำทานดีกว่า..ง่ายดี รักษาศีลกับภาวนานั้นยาก..เราไม่ทำ
ดังนั้น...ในเมื่อได้ยินแล้วก็โปรดรับไว้เป็นข้อคิดด้วย ถ้าทานมีผลเป็นร้อย ศีลก็มีผลเป็นหมื่น ภาวนามีผลเป็นล้าน เราต้องการเปลี่ยนแปลงสภาพชีวิตของเราให้ดีขึ้น ก็ต้องทำสิ่งที่มีคุณค่ามากเพียงพอ ไม่ใช่ไปทำสิ่งที่มีคุณค่าน้อย”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-10-2020 เมื่อ 02:27
|