ดังนั้น...การที่เราจะกระทำให้สมควรแก่ความตั้งใจของเรา ก็คือทุกวันต้องทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ให้แน่นแฟ้นจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการพูด การคิด การทำ อย่าให้มีการล่วงเกินพระรัตนตรัยด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจ ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง และให้รู้สึกตัวอยู่เสมอว่า ร่างกายนี้ก้าวเข้าไปหาความตายอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากว่าชีวิตนี้เสื่อมสลายตายพังลงไป ที่เดียวที่เราต้องการคือพระนิพพาน
ให้ทุกคนพยายามประคับประคองรักษาอารมณ์ในการรักษาศีล ประคองศีล ตลอดจนกระทั่งความรู้สึกเคารพในพระรัตนตรัยอย่างแน่นแฟ้นจริงจัง ไม่ละเมิดล่วงเกินทั้งต่อหน้าและลับหลัง รู้ตัวอยู่ว่าลมหายใจของเราจะสิ้นสุดลงไปเมื่อใดก็ไม่แน่ ถ้าหากว่าตายลงไปเมื่อไร เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว ถ้าท่านสามารถรักษาอารมณ์อย่างนี้ให้ต่อเนื่องไว้ได้ วันหนึ่งสัก ๑๐ นาที ๑๕ นาที ทั้งในตอนเช้าและก่อนนอน โอกาสที่ท่านจะล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ก็จะมีขึ้น สมกับความตั้งใจทุกประการ
ลำดับต่อไปก็ขอให้ท่านทั้งหลายตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๓
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย น้องผักชี)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-09-2020 เมื่อ 10:20
|