ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 28-12-2009, 17:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,363 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ถ้ารับเข้ามา แล้วไม่รู้จักคิดก็เครียด หรือคิดแล้ววางไม่ได้ก็เครียด ถึงได้บอกว่า พวกเราให้ทำมาหากินตามปกติ การเมืองจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของการเมือง พระพุทธเจ้าตรัสแล้วว่าเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีอะไรอยู่ได้นานหรอก ถ้าเราคิดอย่างนี้ได้ ก็ไม่ต้องไปเครียดกับใคร

โดยเฉพาะพระพุทธเจ้าของเราท่านเป็นสัพพัญญู รู้ทุกเรื่องจริง ๆ พระพุทธเจ้าไม่เคยสรรเสริญระบบปกครองไหนว่าดี ประชาธิปไตยที่เราสรรเสริญกันนักหนา ท่านก็ไม่ได้บอกว่าดี แต่ท่านบอกว่า ถ้าปกครองโดยระบอบกษัตริย์ ต้องมีธรรมะก็คือ ทศพิธราชธรรม จักรวรรดิวัตร ราชสังคหะ เป็นต้น ถ้าปกครองโดยสามัคคีธรรมคือประชาธิปไตย ก็ต้องมีอปริหานิยธรรม เป็นต้น เพราะท่านรู้ว่าระบอบต่อให้ดีแสนดี ถ้าคนชั่วเสียอย่างก็ไปไม่รอด จึงต้องมีธรรมะมากำกับ เพราะฉะนั้น..ทำอย่างไรที่กำลังใจของพวกเราจะอยู่กับธรรมะ ถึงเวลาแล้วไม่เต้นไปตามเขา เวลาฟัง ๆ แล้วรู้สึกเครียด เพราะข่าวที่กรอกหูอยู่ทุกวัน จะว่าไปแล้วนักข่าวจะต้องเป็นกลาง เป็นกลางยิ่งกว่ากลาง คือเสนอข้อเท็จจริงตามสภาพที่เห็น โดยไม่เอาอารมณ์ของตัวเองเข้าไปด้วย ไม่ใช่ไปตัดสินให้เสร็จสรรพเลย

พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนเราเกิดขึ้นมาต้องประกอบไปด้วยปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาเอาตัวไม่รอดทั้งในสังคมและทั้งในกระแสโลก ปัญญานั้นมี สุตมยปัญญา ฟังมา อ่านมา ศึกษามา จินตามยปัญญา รู้จักคิดพลิกแพลงเอาไว้ใช้การ ภาวนามยปัญญา รู้แจ้งเห็นจริง ตามสภาพความเป็นจริงนั้น ๆ

หรือไม่ท่านแยกอีกอย่างหนึ่งว่า สหชาติกปัญญา ปัญญาที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด รู้จักหาอาหาร รู้จักสืบพันธุ์ รู้จักกลัวภัย ปาริหาริกปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการอบรม สั่งสมมาในปัจจุบัน เนปักกปัญญา ปัญญาที่ช่วยให้เอาตัวรอดจากวัฏสงสารได้ แล้วเราเอาไปกองไว้ที่ไหนหมดก็ไม่รู้ ? เพราะเรามักจะให้อารมณ์นำหน้าเหตุผล เลือกที่จะเชื่อ ขอใช้คำนี้ อะไรก็ตามที่ค้านความเชื่อเรา แม้จะเป็นความจริง เราก็ไม่ค่อยยอมรับกัน ตรงจุดนี้เป็นจุดบอดมากของนักปฏิบัติ เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ใช่ความเชื่อ แต่เป็นความจริง ถ้าเกิดว่าส่วนที่เราเลือกที่จะเชื่อนั้นเป็นปัญญาทางโลก แล้วส่วนที่เราละเลยเป็นปัญญาทางธรรม ก็เป็นอันว่าชีวิตนี้ไม่ต้องเอาดีกัน ท่านจึงได้บอกว่าทุกอย่างมีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกัน ถึงเวลาสลายก็สลายไปในลักษณะเดียวกัน รู้หนึ่งก็เหมือนรู้ทั้งหมด รู้ทั้งหมดก็เหมือนรู้หนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2014 เมื่อ 11:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 67 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา