17-08-2020, 12:32
|
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
|
|
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 188,321 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
|
|
ทหารสู่สมรภูมิรบ
องค์หลวงตากล่าวถึงความเป็นมาของพระ ที่มาขออยู่ศึกษากับท่านเทียบกับชีวิตทหาร ดังนี้
“... พระมาอยู่สถานที่นี้ทั่วประเทศไทย มีทุกภาค ปริญญาตรีก็มี โทก็มี เอกก็มี และนายพัน นายพลมาบวชอยู่นี้ก็มี ... พระมาอยู่ที่นี่ ท่านมาเพื่ออะไร ท่านมาเพื่อประพฤติปฏิบัติ ศึกษาปรารภจากครูบาอาจารย์จริง ๆ ...
ดูภาคกลางจะมากกว่าเพื่อน ที่นี่ ภาคอื่น ๆ ก็มี หมดทุกภาคเลยนะ.. วัดนี้ไม่มีภาคไหนต่อภาคไหน เป็นชาติไทยด้วยกัน ด้วยเป็นลูกศิษย์ตถาคตศากบุตรด้วยกัน
จึงไม่มีคำว่าชาติ ชั้นวรรณะ ภาคนั้นภาคนี้ เป็นลูกชาวไทยอันเดียวกัน เป็นลูกชาวพุทธอันเดียวกัน... ท่านมาเพื่อศึกษาปรารภตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติจริง ๆ เราก็ได้อุตส่าห์พยายามสั่งสอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มสติกำลังความสามารถ
ที่ว่าโรคของเรากำเริบ กำเริบทางหัวใจนี้ เราก็ยังมีความแน่ใจอยู่ว่า คงเกี่ยวกับเรื่องการแนะนำสั่งสอนนี้เองเป็นสำคัญอันหนึ่ง เพราะการสั่งสอนพระย่อมใช้กำลังวังชา สุ้มเสียงดังเป็นหลัก เผ็ดร้อนมากกว่าการสอนใคร ๆ ในบรรดาประชาชนและพระเณรทั้งหลาย
เพราะเหตุไร ... เพราะพระที่มาสู่วัดป่าบ้านตาดนี้ ส่วนมากมีแต่พระกรรมฐานตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติ ถ้าเราจะเทียบแล้วก็เหมือนกับทหารที่เข้าสู่แนวรบแล้ว การยื่นศาสตราวุธหรืออุบายวิธีการต่าง ๆ ให้ทหารที่เข้าสู่แนวรบ ย่อมจะยื่นแต่สิ่งสำคัญ ๆ อาวุธก็เป็นอาวุธที่ทันสมัย อุบายก็เป็นอุบายที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์ที่จะได้ชัยชนะมาสู่บ้านเมือง อันนี้ก็เหมือนกัน
ธรรมะอุบายต่าง ๆ ที่จะแสดงให้บรรดาพระทั้งหลาย ที่มาจากที่ต่าง ๆ เข้ามาสู่สถานที่นี้ ได้ยินได้ฟังก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น การพูดการเทศนาว่าการต่าง ๆ ตลอดถึงสุ้มเสียงโวหารสำนวนต่าง ๆ จึงมีแต่ความเผ็ดร้อนไปตาม ๆ กันหมด เพื่อให้ทันกับเหตุการณ์...”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2020 เมื่อ 05:36
|