
22-06-2020, 19:55
|
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
|
|
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 188,897 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
|
|
ฝันหลวงปู่มั่น พาบิณฑบาต
อีกคราวในปีที่สร้างวัดสถานีทดลองฯ คืนหนึ่งองค์ท่านฝันว่าหลวงปู่มั่นพาออกบิณฑบาต มีลักษณะขู่เตือน ดังนี้
“... วันนั้นฝนตกหนัก พระออกไปบิณฑบาตมีหลายสาย ไอ้เราเป็นผู้ใหญ่มักจะเอาเปรียบผู้น้อยล่ะ มันเป็นธรรมดา แล้วผู้น้อยก็ชอบจะให้เราเอาเปรียบเสียด้วยนะ
พระก็เรียนว่า ‘ท่านอาจารย์ ท่านไปบิณฑบาตสายใกล้ ๆ นี้สะดวกดี’
ผู้น้อยก็อยากให้ผู้ใหญ่เอาเปรียบ ผู้ใหญ่อย่างเราก็ว่า ‘เออ ! เรามันผู้ใหญ่ เราไม่สะดวก ไม่เหมือนผู้น้อย มันไม่คล่องตัว เราไปสายใกล้ ๆ นี้ดีกว่า’
ทีนี้พอไปบิณฑบาต เราไปสายใกล้สถานีฯ พระไปหลายสาย เฉพาะอย่างยิ่งแถวคลอง วันนั้นฝนตกหนักได้กั้นร่มไป ทางผ่านมันมีคลองใช้ไม้พาดข้ามไปแล้วก็ไต่ข้าม
ฝนตกมาก ๆ ลื่น พอลื่นพระที่ไปบิณฑบาตก็ตกลงคลองเลย ลงมันไม่ใช่ลงธรรมดา ลงแต่ไม่ล้มนะ ลงแต่ไม่ล้มนะ ตกลงในน้ำยังกั้นร่มอยู่ ข้าวกับน้ำ โอ้ย ! มันเต็มไปหมดเลยนะ คือน้ำเต็มบาตร.. ข้าวไม่ทราบไปไหน แช่กันเลย (หัวเราะ)
ทีนี้ตอนขากลับมาจากบิณฑบาตแล้ว พระท่านมาเล่าเรื่องนี้ให้เราฟัง องค์นั้นว่าอย่างนั้น องค์นี้ว่าอย่างนี้ เรื่องเกี่ยวกับน้ำ เรื่องตกคลอง คือบิณฑบาตตกลงไป.. น้ำก็เข้าบาตรหมดเลย วันนี้ไม่ได้อะไรเลย ได้แต่บาตรเปล่า ๆ มา ถ้ายังเอาน้ำกับข้าวมาก็ไม่ทราบจะเอามาทำอะไร ท่านพูดก็มีเหตุผลทั้ง ๆ ที่เสียดายอยู่
‘สงสารญาติโยมเขาก็สงสาร แต่มันกินไม่ได้จะทำยังไง’ ท่านว่า
... พอพระเณรท่านว่าอย่างนั้นแล้ว เราก็คิด เอ ! เรานี้หัวหน้า.. เอารัดเอาเปรียบหมู่เพื่อนมากไป หมู่เพื่อนเล่าธรรมดาเราก็รู้เจตนา เราก็รู้ เล่าทั้งหัวเราะ
ทีนี้ก็เลยคิดตกลงใจนะ ‘ต่อไปนี้เราจะไปสายอื่น ไปสายนั้นบ้างสายนี้บ้าง ไม่เอาเปรียบหมู่เพื่อนมากเกินไป สายใกล้สายไกล สายไหนไปทุกสายล่ะทีนี้’ คิดตกลงในใจนะ แต่ไม่ได้พูดให้ใครฟัง
พอตกเวลากลางคืนจึงฝันว่า พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นเดินบิณฑบาตมา เราก็ยืนอยู่ธรรมดา ท่านมาชวนว่า ‘ไป..ท่านมหา..จะพาไปบิณฑบาต’ ลักษณะขู่ ๆ
‘เอ ! อย่างไร วันนี้เราจะมีความผิดอย่างไรแน่ ๆ’
อย่างนี้ลูกศิษย์กับอาจารย์มันเป็นอย่างนี้แหละนะ ถ้าเห็นอาการของอาจารย์อย่างนั้น ต้องมองเจ้าของมันจะผิดตรงไหนแน่ ๆ เลยอันนี้ เหมือนอย่างพระเณรมันกลัวเรา มันกลัวแบบเดียวกันนี่แหละ (หัวเราะ) ไม่ได้กลัวแบบอื่นนะ ใจทั้งรัก ทั้งสนิท ทั้งกลัว มันเป็นอย่างนั้นแหละ
จากนั้นก็รีบครองผ้า แต่ครองผ้าในความฝันมันไม่ได้ยากนะ มันปุบปับ ๆ เสร็จเรียบร้อยเลย พอเราเดินไปตามหลัง ท่านพูดขึ้นว่า
‘ไอ้ผู้ที่เขาหาน่ะ เขาหาแทบล้มแทบตายนะ ผู้ที่เขาจะหามาให้ทานได้แต่ละทัพพี แต่ละห่อนี้ แต่ละหมกละห่อนี้ เขาแทบล้มแทบตายนะ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดสู้ฝน ไอ้เราถึงเวลาก็ด้อม ๆ ไปเอามากินเฉย ๆ ก็ว่าลำบาก มันจะทรงศาสนาไปได้อย่างไร มีแต่พระขี้เกียจ พระถ้าจะเห็นตั้งแต่ความลำบาก ไม่มองเห็นอรรถเห็นธรรม ไม่คิดเห็นอรรถเห็นธรรมเลยนี้ ทรงศาสนาไปไม่ได้ แล้วยิ่งจะมีแต่พระขี้เกียจอ่อนแอด้วยแล้ว.. ศาสนาจมไปเลย’
พอได้ไม้จากพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นมาตีหัวเราแล้ว เราก็เอาไม้นั่นแหละไปตีหัวหมู่เพื่อน พอตื่นเช้าขึ้นมา เราก็สอนพระว่า
‘นี่เขาหามาแทบล้มแทบตาย กว่าจะมาให้ท่านแต่ละครั้งละหน นี่เดินด้อม ๆ ไปบิณฑบาตตกคลองเท่านั้น ตกคลองมันก็ความเซ่อของคนต่างหาก ไม่ได้เป็นเพราะอะไรนี่นะ นั่นละความไม่สำรวมมันเป็นอย่างนั้น ความเซ่อ ๆ ซ่า ๆ มันเป็นอย่างนั้น’ ตีไปเรื่อย ๆ เลย
ที่ท่านว่า (บิณฑบาต) โปรดสัตว์ ๆ เขาได้เห็นครู่เดียวขณะเดียว เขาก็มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ได้ยินได้ฟังนิดหนึ่ง ๆ เขาก็มีผลมาก มีอานิสงส์มาก และเขาได้ให้ทานนิดหนึ่งก็ตาม มีผลมีอานิสงส์มากที่สุดเลย อะไรให้ทานก็ดี ความเคารพทุกสิ่งทุกอย่างก็ดี อะไรที่จะเกินให้ทาน และเคารพพระพุทธเจ้า พระสาวกทั้งหลาย...”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2020 เมื่อ 02:28
|