
13-06-2020, 19:24
|
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
|
|
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 188,897 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
|
|
โปรดคุณแม่ชีแก้ว
ที่บ้านห้วยทรายแห่งนี้ มีนักปฏิบัติธรรมหญิงท่านหนึ่งนามว่า คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ เวลาภาวนามักจะมีความรู้แปลกพิสดารมาก เมื่อท่านมาจำพรรษาที่บ้านนี้ จึงมีโอกาสได้สนทนาซักถามพร้อมกับให้อุบายทางจิตภาวนาแบบเด็ด จนสามารถพลิกภาวะจิตของคุณแม่ชีแก้วได้อย่างน่าอัศจรรย์ ดังนี้
“.. แม่ชีแก้วที่อยู่บ้านห้วยทรายนี้ เป็นลูกศิษย์ดั้งเดิมของท่านอาจารย์มั่นมาตั้งแต่เป็นสาวโน่นนะ แกภาวนาเป็นตั้งแต่เป็นสาวโน่น ถ้าวันไหนภาวนาแปลก ๆ พอท่านอาจารย์มั่นบิณฑบาตมาถึงนั้น ท่านจะว่า ‘วันนี้ ออกไปวัดนะ’
เพราะท่านหยั่งทราบทุกอย่าง .. ทีนี้พอท่านจะจากที่นั่นไป ท่านก็บอกตรง ๆ เลย บอกว่า ‘นี่ถ้าเป็นผู้ชายแล้ว เราจะเอาไปบวชเป็นเณรด้วย’
อายุตอนนั้นราว ๑๖-๑๗ ปี ‘นี่เป็นผู้หญิง มันลำบากลำบน ไม่เอาไปแหละ อยู่นี่แหละ จะเป็นบ้าครอบครัวเหมือนโลกเขาก็แล้วแต่เถอะ’ ว่าดังนี้แล้วท่านก็ไป ก่อนจะไปท่านสั่งว่า ‘แต่อย่าภาวนานะ’
นี่สำคัญ ท่านสั่งไว้จุดนี้แหละ คือนิสัยแกผาดโผนมาก เรื่องภาวนานี้.. นิสัยผาดโผนมากจริง ๆ เพราะเหินเดินฟ้าดำดิน บินบนในหัวใจ มันออกรู้ออกเห็นหมด เทวบุตรเทวดา อินทร์พรหม เปรต ผีนี้ มันไปรู้ไปหมดนั่นซิ ทีนี้เวลาไม่มีครูมีอาจารย์คอยแนะ คอยบอก กลัวมันจะเสีย
ท่านจึงห้ามไม่ให้ภาวนา ‘เราไปนี้ไม่ต้องภาวนา ต่อไปมันก็จะมีครูมีอาจารย์สอนเหมือนกันนั่นแหละ’
ท่านว่าอย่างนี้ ท่านว่าผ่าน ๆ ไปอย่างนี้แหละ .. ทีนี้นานเข้า ๆ หนักเข้ามันอดไม่ได้ มันอยากภาวนาอยู่ตลอด แกก็เลยภาวนา ก็พอดีเป็นจังหวะที่เราไปที่นั่น พอเหมาะดีเลยเทียว
พอเราไปถึง แกก็มาเล่าให้ฟัง ตอนที่เราไปนั้น เราไปจำพรรษาบนภูเขา ให้หมู่เพื่อนจำพรรษาข้างล่าง เรากับเณรหนึ่งไปจำพรรษาอยู่บนภูเขา บ้านห้วยทรายนั่นแหละ
พอวันพระหนึ่ง ๆ พวกเขาจะไป ไปพร้อมกัน ไปละไปทั้งวัดเขาเลยแหละ พวกแม่ชีแม่ขาวหลั่งไหลกันไป ขึ้นบนภูเขาหาเราตอนบ่าย ๔ โมง ๔ โมงเย็นเขาก็ไป ตอนจวน ๖ โมงเย็นเขาก็กลับลงมา พอไปถึงแกก็เล่าให้ฟัง ขึ้นต้นก็น่าฟังเลยนะ พอแกขึ้นต้นก็น่าฟังทันที
‘นี่ก็ไม่ได้ภาวนา เพิ่งเริ่มภาวนานี่แหละ ญาท่านมั่น.. ท่านไม่ให้ภาวนา’ แกว่าอย่างนั้น ‘ท่านห้ามไม่ให้ภาวนา’
เราก็สะดุดใจกึ๊ก มันต้องมีอันหนึ่งแน่นอน ลงหลวงปู่มั่นห้าม ไม่ให้ภาวนานี้ต้องมีอันหนึ่งแน่นอน จากนั้นแกก็เล่าภาวนาให้ฟังนี้ โถ.. ไม่ใช่เล่น ๆ พิสดารเกินคาดเกินหมาย เราก็จับได้เลยทันที ‘อ๋อ..อันนี้เอง ที่ท่านห้ามไม่ให้ภาวนา’
พอไปอยู่กับเรา..ไปหาเราก็ภาวนา พูดตั้งแต่เรื่องความรู้ความเห็น ไปโปรดเปรต โปรดผี โปรดอะไรต่ออะไร นรก สวรรค์ แกไปได้หมด รู้หมด แกรู้ ทีนี้เวลาภาวนา มันก็เพลินแต่ชมสิ่งเหล่านี้ ครั้นไปหาเรานานเข้า ๆ เราก็ค่อยห้ามเข้า หักเข้ามาเป็นลำดับลำดานี่แหละ เอากันตอนนี้ ทีแรกให้ออกได้ ‘ให้ออกก็ได้ ไม่ออกก็ได้ .. ได้ไหมเอาไปภาวนาดู ?’
ครั้นต่อมา ‘ไม่ให้ออก’ ต่อมาตัดเลย เด็ดเลย ‘ห้ามไม่ให้ออกเป็นอันขาด’
นั่นเอาขนาดนั้นนะ ทีนี้ให้แกรู้ภายใน อันนั้นเป็นรู้ภายนอก ไม่ใช่รู้ภายใน ไม่ใช่รู้เรื่องแก้กิเลส จะให้แกเข้ามารู้ภายในเพื่อจะแก้กิเลส แกไม่ยอมเข้า เถียงกัน แกก็ว่าแกรู้ แกก็เถียงกันกับเรานี่แหละ ตอนมันสำคัญนะ พอมาเถียงกับอาจารย์ อาจารย์ก็ไล่ลงภูเขา ร้องไห้ลงภูเขาเลย
‘ไป..จะไปที่ไหน..ไป สถานที่นี้ไม่มีบัณฑิต นักปราชญ์ มีแต่คนพาลนะ ใครเป็นบัณฑิต นักปราชญ์ให้ไป..ลงไป..’
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2020 เมื่อ 12:45
|