อยู่วันหนึ่งทุกข์วันหนึ่ง อยู่ชั่วโมงหนึ่งทุกข์ชั่วโมงหนึ่ง อยู่นาทีหนึ่งทุกข์นาทีหนึ่ง อยู่วินาทีหนึ่งทุกข์วินาทีหนึ่ง ระยะเวลาที่ผ่านไปมีแต่ความทุกข์ทั้งนั้น ชีวิตเราเป็นของน้อยเหลือเกิน ศาสดานอกศาสนาที่ท่านชื่อ อารกะ ท่านบอกว่า ชีวิตเหมือนต่อมน้ำ ฟองน้ำผุดขึ้นมาก็แตกโป๊ะไปเลย ชีวิตเหมือนรอยไม้ขีดลงในน้ำ วูบเดียวก็หายไปเลย ชีวิตเหมือนลำธารไหลจากภูเขา พรวดเดียวก็ผ่านไป ชีวิตเหมือนโคที่เขานำไปฆ่า ตายแน่ ๆ ไม่พ้นความตายเด็ดขาด ชีวิตเหมือนน้ำค้าง โดนแดดก็ระเหยหมดไปแล้ว ยังจะคิดว่าจะอยู่ ๑๐๐ ปีอีกหรือ ? อายุขัย ๑๐๐ ปีตอนนี้เหลือแค่ ๗๕ ปี ๗๕ ปีนี่นานของเรา ลองไปเปรียบกับอายุของหินผา ต้นไม้ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปเปรียบถึงขนาดอายุของจักรวาล อายุของพรหม เทวดาท่านหรอก เป็นแค่เศษเสี้ยวธุลีเดียวเท่านั้น จะตายลงไปวันไหนก็ไม่รู้ รอบข้างมีแต่ภัยอันตรายจะพาเราสิ้นชีวิตลงไปได้ทุกเวลา ถ้าไม่ฉวยโอกาสที่มีอยู่น้อยนิด สร้างความดีให้แก่ตนเองให้มากที่สุด การเวียนตายเวียนเกิดเพื่อทุกข์ทนก็จะยาวไปไม่มีที่สิ้นสุด
แล้วการเวียนตายเวียนเกิดนั้นเหมือนกับทางลาดชัน มีโอกาสที่จะไถลลงได้มากเกิน ๘๐% นึกถึงจุดนี้แล้วจะรู้ถึงความน่ากลัวของวัฏสงสาร เผลอเมื่อไรเขาเอาแน่ เพราะฉะนั้น..ต้องใช้เวลาทุกเวลานาทีให้มีค่าที่สุด ทำอย่างไรที่เราจะไปให้พ้นจากเขาให้ไกลที่สุด จะลำบากเหนื่อยยากแค่ไหนก็ขอให้ทุ่มเท เพราะว่าลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ อย่าลืมจุดมุ่งหมายของเราว่าเราทำเพื่ออะไร ? จุดมุ่งหมายอื่น ๆ ที่เขาหลอกให้เราทำนั้น ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของเรา อยู่ตรงหน้ามีโอกาสก็ทำไป ทำให้ดีที่สุด แต่ต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร ? เราอยู่ตอนนี้เราจะทำอะไร ? จุดหมายข้างหน้าของเราคืออะไร ? ลืมไม่ได้เด็ดขาด ไม่น่าเลยกู...เดี๋ยวก็เสร็จมารอีก กว่าจะรู้ว่าโดนหลอกก็ไปไกลเสียแล้ว
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2020 เมื่อ 01:44
|