| 
				  
 
			
			ถาม : หลวงพ่อเป็นไปได้ไหมคะ ที่ช่วงแรกพอมันเปลี่ยนจากฌานหนักเป็นฌานใช้งานแล้ว  อารมณ์มันจะเบาขึ้น  ต่อไปมันก็จะเบาขึ้นเรื่อย ๆ  หรือพอเปลี่ยนแล้วมันเบาเลยทีเดียวตอบ :  ไปตามสภาพของความคล่องตัว  คล่องตัวมากก็เบา
 
 ถาม :  หนูมานั่งแยกอารมณ์ระหว่างวิปัสสนากับอรูปฌานค่ะ    อย่างตัววิปัสสนาอารมณ์มันไม่มีของมันมาแล้วตั้งแต่ต้น  แต่ตัวอรูปฌานก็คือมันมีของมันอยู่แล้ว  แต่เราไปทำให้มันไม่มี
 ตอบ :  ถ้าหากพิจารณาง่าย ๆ   ให้ดูตรงที่ว่า  วิปัสสนาเรารับรู้แล้วปล่อยวาง  ส่วนอรูปฌานมันเป็นการกด  ใช้กำลังฌานมาคานไว้  ให้แยกอย่างนี้   อย่างที่เราดูมันกลายเป็นทำของง่ายให้ยาก
 
 ถาม :  อีกอย่างก็คือเวลาอยู่ในอารมณ์วิปัสสนามันจะเป็นลักษณะหยุดการปรุงแต่งไว้แค่นี้   ถ้าอยู่ในอรูปฌานมันจะหยุดการหมายจำ  หมายรู้
 ตอบ :  จริง ๆ อรูปฌานมันหยุดการปรุงแต่งได้    เพียงแต่มันเป็นการปรุงแต่งสภาพจิตอีกแบบ    หยุดได้เหมือนกันแต่มันไปปรุงอีกตัว
 
 ถาม :  วันนั้นไล่ไปไล่มา มันไปเจอความรู้สึกที่ว่า  หนูผูกอยู่กับหลวงพ่อ  ก็มาคิดว่าอย่างนี้เราจะละดีหรือเปล่า    หนูก็เลยตัดสินใจละ  อีกอย่างการนึกถึงหลวงพ่อไม่ว่าจะเป็นลีลาท่าทาง  ปฏิปทาอะไรก็ตาม  มันรู้สึกว่ามันยินดีมากนะ มันชอบใจนะ  ดูไปดูมาตัวนี้มันเป็นตัวยินดี   ถามว่ามันดีไหม..มันก็ดี  แต่ความรู้สึกของหนูก็คือมันมีที่ดีกว่านั้น   ก็คืออารมณ์เป็นกลาง ๆ  ค่ะ ก็เลยมาถามว่าที่หนูรู้มานี่  มันถูกหรือเปล่า
 ตอบ :  ถูก  คลำให้เจอแล้วกัน  ว่าที่มันไม่ดีไม่ร้ายเป็นอย่างไร    ถ้าหากว่าเจอเมื่อไหร่มันจะเป็นส่วนสังฆคุณที่แท้จริง  ไม่ใช่ตัวตน
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-12-2009 เมื่อ 10:12
 |