| 
				  
 
			
			หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า  "เชื่อไหมว่าในพม่า  มีนิกายหนึ่งที่ไปจากไทย  แล้วมีชื่อเสียงเป็นที่นับถือมาก    คือ นิกายมหาเย็น  
 มหาเย็น  จริง ๆ  ท่านเป็นพระวัดบวรฯ  ท่านธุดงค์ไปพม่า    ด้วยความที่ท่านเป็นธรรมยุติ  ท่านเน้นมากในเรื่องของอภิสมาจาร  ทำให้ดูน่าเลื่อมใส  คนก็เลยเกิดศรัทธา  สร้างวัดให้ท่าน   คราวนี้พอท่านสร้างวัดแล้วลูกหลานเขามาบวชด้วย   ท่านเองก็สามารถอบรมเขาให้ได้แบบเดียวกับท่าน  คนก็เลยยิ่งเลื่อมใสเข้าไปใหญ่   ช่วงแค่สามสี่ปี  เขาสร้างวัดถวายวัด  ๒๐  กว่าวัด  ฟังตรงนี้แล้วฉุกใจคิดอะไรบ้างไหม?  เขาสร้างวัดถวาย  ไม่ใช่ท่านสร้างเอง
 
 เราลองนึกถึงสมัยพุทธกาล  พระเจ้าพิมพิสารถวายวัดเวฬุวัน  อนาถบิณฑิกเศรษฐีถวายวัดเชตวัน    นางวิสาขามหาอุบาสิกาถวายวัดบุพพาราม  นางอัมพปาลีถวายวัดอัมพวัน    หมอชีวกถวายวัดอัมพวันเหมือนกัน  เขาก็เลยเรียกแยกเป็น  ชีวกัมพวัน  สมัยก่อนล้วนแล้วแต่ญาติโยมช่วยบำรุงพระภิกษุสามเณร  ช่วยสร้างเสนาสนะต่าง ๆ ให้  แต่สมัยปัจจุบันพระต้องสร้างเองทั้งนั้น  มันเกิดจากอะไร  ที่อยู่ ๆ ความนิยมเก่าที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างถวายพระสูญหายไปเฉย ๆ   กลายเป็นพระต้องไปตะเกียกตะกายทำเอง
 
 สมัยรัชกาลที่ ๖-๗    แม้กระทั่งพระเจ้าแผ่นดิน  อำมาตย์  เสนาบดีต่าง ๆ  ก็ยังนิยมสร้างวัด  จากที่ลองพิจารณาดูช่วงเปลี่ยนผ่านของมัน    น่าจะเป็นช่วงที่ประเทศของเราสนับสนุนอุตสาหกรรมการส่งออก  สมัยนั้นมีข้าว  ไม้สัก  ยางพารา  ข้าวโพด  แร่ดีบุก    แต่ละอย่างต้องใช้แรงงานมาก  ในเมื่อแรงงานเข้าไปอยู่ภาคอุตสาหกรรมนี้หมด    ส่วนที่จะมาช่วยในเรื่องของวัดวาอารามก็น้อยลง  แต่ก็ยังดี  คนเขาก็ยังอยากทำบุญอยู่  ก็เลยเปลี่ยนเป็นถวายปัจจัยให้พระคุณเจ้าไปสร้างเอง    ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พระคุณเจ้าก็ต้องสร้างกันเองมาตลอด    มันผิดธรรมเนียมไปเยอะเลย  มานั่งคิด ๆ  ดู  ว่าน่าจะเป็นช่วงนี้แน่นอน"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2009 เมื่อ 17:55
 |