๒๓."สตูล ดินแดนลี้ลับ"
หลังจากพ้นผ่านเรื่องระทึกใจมาพอหอมปากหอมคอแล้ว แต่ก็ยังไม่วายจะนึกถึงอยู่...... ช่างเป็นประสบการณ์ที่ต้องจดจำไปจนวันตาย เราเดินทางมาจนรุ่งเช้าแถว ๆ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นอะไรที่โล่งใจมาก เพราะอย่างน้อย "ท่านสองตน" นั้น คงไม่โผล่มาตอนกลางวันแน่ ๆ ตรงช่วงนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงคอคอดที่แคบที่สุด ตามแผนที่ประเทศไทย และเป็นช่วงที่น่าเบื่อที่สุดในการขับรถเดินทางไกล ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง เพราะเราใช้เวลาในเส้นทางช่วงจังหวัดประจวบฯนี้นานที่สุด วิ่งเท่าไรก็ยังไม่พ้นเขตจังหวัดประจวบฯ สักที.....................
หลังจากแวะปั๊มน้ำมันเพื่อพักรถและเปลี่ยนอิริยาบถกันบ้าง พร้อมทั้งฉันเช้าเป็นการเรียบร้อย หลังจากนั้นก็เดินทางกันต่อเพื่อจะแวะเข้าจังหวัดสตูลก่อน เราวางแผนใช้เส้นทางที่คุ้นเคย เราเข้า นครศรีธรรมราช พัทลุง และเข้าจังหวัดสตูล นับว่าเป็นระยะทางร่วมกว่า ๑,๒๐๐ กิโลเมตร จากทองผาภูมิ งานนี้ต้องนับถือความอดทนของคุณหม่อม
ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์ :"ถ้าขับไม่ไหวจอดนะ เดี๋ยวหลวงพี่ขับเอง

๕๕๕๕๕"
โยมหม่อม : .......

สู้สุดใจขาดดิ้นครับ
ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์ :เดี๋ยว หลวงพี่โทรหา "คุณท็อป" เขาจะเป็นคนนำทางเราไป "วัดหลวงพ่อบุญเริญ"........
"ฮะโหล ๆ ที่นั่นที่ไหน? แล้วใครพูด? แล้วไอ้คนที่พูดนะใช่คุณท็อปใช่หรือไม่?....หา!อะไรนะ....ทักษิณหรือ?.....อ๋อ ๆ มหาลัยทักษิณหรือครับ....ขออภัยพระต่อผิดสายครับ...เจริญพรโยม

"(มุกนี้รู้สึกว่าจะเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางหน่อยนะครับ

)
มีเสียงทิ้งทวนเบา ๆ ในสายของคู่สนทนามาว่า "อ้ายหัวครก"
หลังจากโทรฯ จนเจอคุณท็อปแล้ว เราก็นำแนะกันตรงตัวเมืองสตูล หลังจากนั้นไม่นาน รถของคุณท็อปก็ส่งสัญญาณควัน

ขออภัย "สัญญาณไฟกระพริบ" และแล้วรถทั้งสองคันก็วิ่งตามกันไปจนถึงวัดของพระอาจารย์บุญเริญ