ในส่วนของการเป็นหนี้สงฆ์นั้น ถ้าหากว่าใครเป็นหนี้สงฆ์อยู่ หรือคิดว่าตนเองจะเป็นหนี้สงฆ์ หลวงพ่อท่านแนะนำว่ามีวิธีการชำระหนี้สงฆ์อยู่ ถ้าเราเคยนำข้าวของจากวัดไป แล้วนึกได้ว่าเอาอะไรไปบ้าง ของนั้นปัจจุบันราคาเท่าไหร่ให้ใช้ในราคาปัจจุบัน
อย่างเช่นว่าแก้วน้ำใบนี้ เราเอาไปเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นอาจจะใบละห้าบาท แต่ว่าวันนี้ราคายี่สิบบาท ถ้าเราจะชำระหนี้สงฆ์ต้องชำระในราคายี่สิบบาท คือราคาปัจจุบัน แปลว่าให้ซื้อแก้วคืนได้ใบหนึ่ง
วิธีที่สองถ้านึกไม่ได้ ท่านบอกให้สร้างพระประธานเพื่อชำระหนี้สงฆ์ พระประธานที่จะชำระหนี้สงฆ์ได้นั้น หน้าตักต้อง ๔ ศอกขึ้นไป คำว่า ๔ ศอกก็คือ ๑ วา , คือ ๒ เมตร, คือ ๘๐ นิ้ว ถ้าได้พระประธานหน้าตัก ๔ ศอกขึ้นไป จะมีอานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์ในอดีตได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะมากมายมหาศาลขนาดไหนก็ตาม
ต่อให้พระชำระหนี้สงฆ์พร้อมปิดทองในปัจจุบันสามารถสร้างได้ในราคาสามแสนบาท แต่ถ้าเอาของวัดไปเป็นล้านก็ชำระได้ เพราะว่าพุทโธอัปปมาโณ พระพุทธเจ้ามีคุณประมาณไม่ได้ เราสร้างพระพุทธรูปขึ้นมา อานิสงส์จะมหาศาลขนาดนั้น แต่อาตมาว่าเพื่อความยุติธรรมก็สร้างให้ใกล้เคียงกับราคาที่เราเอาไปเสียหน่อย
การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์นั้นถ้าเป็นพระไม่ได้ปิดทอง จะได้เฉพาะเจ้าภาพองค์เดียว มีอานิสงส์ในการชำหนี้สงฆ์คนเดียว คนอื่น ๆ ไม่ได้ แต่ถ้าพระหน้าตัก ๔ ศอกแล้วปิดทอง จะมีอานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์ได้ทุกคน แม้ว่าจะร่วมกันกี่หมื่นกี่แสนคนก็ตาม ถ้าท่านใดกลัวเป็นหนี้สงฆ์เดี๋ยวเดินเข้าไปในถ้ำ(ป่าไผ่) จะเห็นตุ๊พ่อท่านสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ไว้ เราก็ไปหยอดตู้ร่วมเป็นเจ้าภาพ ก็จะทำให้พ้นได้จากอดีตมาจนถึงวันนี้ ถ้าหลังจากหยอดตู้เสร็จแล้วไปคว้าอะไรไปก็เป็นหนี้ต่อไป แต่ว่าบรรดาวัตถุมงคลที่ท่านมอบให้เป็นที่ระลึกนั้นถือว่าท่านมอบให้ ไม่ได้เป็นหนี้สงฆ์นะจ๊ะ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-11-2009 เมื่อ 09:45
|