สำหรับท่านที่ลาเป็นคนแรกคือ ท่านกุ๊ก ตามด้วย ท่านโอและเณรเจ ส่วนผมลาเป็นอันดับที่สี่ แถมลืมลงบันทึกการลาด้วยซ้ำไป ดีที่แจ้งพระเพื่อน ๆ เอาไว้แล้ว แจ้งพระครูน้อยและพระครูหน่อยก่อนจะออกจากวัด แต่ลืมเขียนในสมุดบันทึกไปเลย..งานนั้นเล่นเอาใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มอยู่หลายวัน
คณะกระผม คุณเอก คุณหม่อม เดินทางเข้าเกาะพระฤๅษี หลังจากรายงานตัวกับหลวงพี่กวาง พร้อมลงสมุดรายชื่อผู้มาปฏิบัติธรรมและรับทราบในกฎระเบียบข้อบังคับทุกประการแล้ว หลวงพี่กวางท่านก็จัดแจงส่งถึงที่พัก โยมหม่อมกับโยมเอก พักกุฏิใกล้ ๆ สะพานที่เดินตรงไปยังศาลา ส่วนกระผมพักกุฏิริมน้ำ.......งานเข้าเล็กน้อย เพราะเกรงใจที่จะต้องนอนจำวัดคนเดียว มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นต้นไม้ใหญ่ ๆ อยู่อีกฝั่งของทางน้ำ พลางคิดว่า "บรรยากาศโคตรโรแมนติก" กลางคืนจะมีใครมาร้องเพลงกล่อมข้าง ๆ กุฏิให้จำวัดสบาย หรือเปล่า.. "หลวงพี่มาดีนะ มีบุญมาเพียบ ถ้าอยากได้ เดี๋ยวจะอุทิศให้นะ แต่.. แต่อย่ามาหลอกกันนะตัวเอง จุ๊บ ๆ ใครมาไม่ดี ถ้าหลวงพี่เป็นอะไรไป จะตามราวีให้ถึงที่สุดเลย รักทุก "ตน" นะ จุ๊บ ๆ" บรรยากาศในการต่อรองก็เริ่มขึ้นเป็นปกติตามประสา "คนขี้เกรงใจ" (กลัวขึ้นสมอง)
การปฏิบัติธรรมที่เกาะพระฤๅษีนั้น เริ่มตั้งแต่ตี ๔.๐๐ น. ทำสมาธิ ทำวัตรเช้า ไปจบประมาณ ตี ๕.๓๐ น. หลังจากนั้นก็ทำความสะอาดพื้นที่รอบ ๆ เกาะ ฉันเช้า แล้วก็เป็นเวลาส่วนตัว ใครใคร่จะเจริญภาวนาหรืออย่างอื่นก็ตามอัธยาศัย กระผมเองชอบที่จะไปนั่งสมาธิที่ตรงทางน้ำที่เป็นลักษณะสามแพร่งคือ มีสายน้ำหลักไหลมาหนึ่งสาย แล้วแยกออกเป็นสองสายไหลล้อมรอบเกาะพระฤๅษีเอาไว้และไปบรรจบกันอีกครั้งที่ทางด้านทิศใต้ของเกาะ ตรงนี้มีความรู้สึกในความเป็นทิพย์หลาย ๆ อย่าง (โปรดใช้วิจารณญาณในการพิจารณาครับ) การทำสมาธิอย่างที่หลวงพ่อสั่งสอนเอาไว้ว่า ให้เป็นไปเพื่อความสงบ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ในขณะนั้นต้องใช้ข้อธรรมมาวิเคราะห์และพิจารณา
บางครั้งกระผมเองก็ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ มาเป็นการเดินจงกรมรอบ ๆ เกาะแทน เสียงสายน้ำไหล เสียงสายลมและบรรยากาศร่มเย็น รวมถึงเสียงเหล่านกกา ที่มาพึ่งพิงอาศัยสถานที่อันสงบปลอดภัยนี้ ทำให้รู้สึกว่า สถานที่แห่งนี้คือ "สวรรค์ของนักปฏิบัติ" จริง ๆ ต่างคนต่างไม่พูดพร่ำทำเพลง แยกหาความสงบความวิเวกในการปฏิบัติกันไปอย่างเต็มที่เท่าที่จะสามารถเก็บเกี่ยวกันไปได้ให้คุ้มค่าที่สุด จะมีมาสนทนาธรรมกันบ้างก็ช่วงหลังจากทำวัตรเย็นไปแล้ว
กระผมได้เรียนแจ้งขออนุญาตหลวงพี่กวาง เพื่อไปกราบพระอาจารย์เผื่อน (หลวงพี่เผื่อน) ที่สำนักสงฆ์ถ้ำทะลุ ตั้งใจว่าจะพาโยมทั้งสองท่านขึ้นไปนั่งสมาธิที่บนถ้ำ เพื่อแสวงหาอารมณ์สงบในสมาธิและประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรม
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ภาพที่สามทางซ้ายมือด้านล่าง เป็น ท่านพญานาคที่ประดิษฐานอยู่โพรงต้นไม้ตรงทางน้ำสามแพร่งครับ
ส่วนภาพที่สี่ทางด้านขวามือล่างนั้น อย่าเข้าใจผิดว่าคือคางคกธรรมดา ๆ นะครับ เพราะตัวใหญ่กว่าคางคกมาก ถ้าจะเรียกว่าคางคกต้องเรียกว่า "โคตรคางคก" ที่ถูกต้องเขาเรียกว่า กง หรือ จงโคร่ง หรือ หมาน้ำ หรือ คางคกยักษ์ สัตว์ป่าหายากที่เป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ความอุดมสมบูรณ์ของป่าและความสะอาดของน้ำครับ แต่พบได้ที่ใต้ถุนกุฏิที่เกาะพระฤๅษี มีหลายตัวตามบริเวณต่าง ๆ ของเกาะ ตัวนี้เป็นเพื่อนของกระผมเอง ตั้งชื่อให้ว่า "คาซามาคุง" ถ้าอยู่เกาะพระฤาษีให้นานกว่านี้ กระผมว่ากระผมคงจะคุยกันกับ "ท่านคาซามาคุง" รู้เรื่องแน่ ๆ ครับ "โฮ่ง ๆ" เสียงร้องของเขาเหมือน ๆ กับเสียงสุนัขเห่า แรกผมก็หาอยู่ว่าหมาที่ไหนมาเห่าข้าง ๆ กุฏิ เดี๋ยวจะลงไปกัดกับเจ้าหมาตัวนั้นสักหน่อย พระจะจำวัดเห่าอยู่ มาหาไปทางต้นเสียง....ตัวอะไรวะ อ๋อมันสมควรแล้วที่จะเรียกว่า "หมาน้ำ" จริง ๆ ๕๕๕๕๕๕ "โฮ้ง ๆ โบร๊ววววววว


" ผมร้องส่งรหัสโต้ตอบไปเป็นระยะ ๆ